top of page

วิศวกรอาคารต้องรู้ EP.8: การจัดการพลังงานในอาคาร – ประหยัดแบบมีข้อมูล ไม่ใช่แค่ปิดไฟ


จักรพันธ์ ภวังคะรัตน์

Head of Property and Asset Management, JLL Thailand

เลขาธิการ สมาคมบริหารทรัพย์สินแห่งประเทศไทย

20 April 2025




จากซีรีส์: วิศวกรอาคารต้องรู้

ทุกคนอยากประหยัดพลังงาน แต่คำถามสำคัญคือ…เรา “รู้” หรือไม่ว่าใช้พลังงานอะไร ที่ไหน อย่างไร?และสิ่งที่เราทำ “ลดได้จริง” หรือแค่ “รู้สึกว่าลด”?

โลกของการจัดการพลังงานในอาคารยุคนี้ต้องเปลี่ยนจากแนวคิด “ใช้ให้น้อย” ไปสู่ “ใช้ให้รู้ ใช้ให้คุ้ม ใช้แล้วตรวจสอบได้”และคนที่ทำสิ่งนี้ได้ดีที่สุด คือ “วิศวกรอาคาร” ที่เข้าใจระบบและตัวเลข


1. Energy Management คืออะไร?

การจัดการพลังงาน (Energy Management) คือการวางแผน ตรวจสอบ และควบคุมการใช้พลังงานในอาคารอย่างมีระบบเพื่อให้เกิดผลลัพธ์เชิงธุรกิจและสิ่งแวดล้อม ได้แก่:

  • ลดต้นทุนการดำเนินงาน

  • เพิ่มประสิทธิภาพระบบต่าง ๆ

  • สร้างภาพลักษณ์ด้านความยั่งยืน

  • และตอบสนองข้อกำหนดตามกฎหมาย


2. ข้อมูลคือจุดเริ่มต้นของการประหยัด

"สิ่งที่วัดได้เท่านั้นจึงจะจัดการได้"เพราะฉะนั้นการมี ข้อมูลพลังงานที่แม่นยำ จึงเป็นจุดตั้งต้นที่สำคัญที่สุด

เครื่องมือพื้นฐานที่อาคารควรมี

  • Energy Meter รายโซน/อุปกรณ์หลัก

  • Water / Gas Meter สำหรับระบบน้ำร้อน/ครัว

  • Power Analyzer ตรวจคุณภาพไฟฟ้า

  • BMS / EMS ศูนย์กลางรวบรวมข้อมูลจากหลายระบบ


3. จากการวัด สู่การวิเคราะห์

แค่ดูตัวเลข kWh ยังไม่พอ ต้องวิเคราะห์ว่า:

  • ใช้พลังงานมากเพราะอะไร?

  • พื้นที่ใดใช้มากที่สุด? เวลาไหน Peak?

  • การเปลี่ยนพฤติกรรมหรือระบบ ช่วยลดพลังงานได้เท่าไร?

  • มีโหลดพื้นฐาน (Base Load) ที่ไม่ควรมีหรือไม่?

ตัวอย่างเครื่องมือวิเคราะห์

  • กราฟโหลดรายชั่วโมง (Load Profile)

  • kWh/m² ต่อพื้นที่ใช้สอย

  • kWh/Person/Day

  • ความสัมพันธ์กับสภาพอากาศภายนอก


4. เครื่องมือยุคใหม่เพื่อจัดการพลังงาน

  • BMS: มอนิเตอร์และควบคุมระบบหลัก

  • AFDD: ตรวจจับความผิดปกติที่ทำให้สูญเสียพลังงาน

  • CMMS: วางแผนบำรุงรักษา ลดพลังงานสูญเปล่า

  • EMS Platform: วิเคราะห์เชิงสถิติ เปรียบเทียบก่อน–หลัง

  • IoT Sensor: วัดค่าจากพื้นที่ใช้งานจริง

  • Smart Control: สั่งงานตามเงื่อนไขเวลา/คน/โหลด


5. แนวทางประหยัดที่ทำได้จริง

  • ปรับ Setpoint ระบบแอร์ให้เหมาะสม (24–26°C)

  • ใช้ Occupancy Sensor ปิดไฟเมื่อไม่มีคน

  • ตั้ง Scheduling ระบบแสง/แอร์ให้สอดคล้องกับพฤติกรรม

  • ตรวจ Base Load ว่ามีอุปกรณ์ทำงานไม่จำเป็นหรือไม่

  • ปรับโหลดเครื่องจักรให้เหมาะสม เช่น สลับใช้ Chiller, VSD

  • สื่อสารกับผู้ใช้อาคารเพื่อเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้


6. บทบาทของวิศวกรอาคาร

  • วางแผนและติดตามการใช้พลังงาน

  • สื่อสารผ่านรายงานที่เข้าใจง่าย

  • ใช้ระบบ BMS–CMMS–EMS อย่างเป็นระบบ

  • เป็นที่ปรึกษาแก่ฝ่ายบริหารในการวางแผนลงทุนด้านพลังงาน

  • ประเมินผลลัพธ์ทางเทคนิคควบคู่กับเชิงธุรกิจ

  • ทำงานแบบ Data-Driven Engineer ที่มี Impact จริง


7. การจัดการพลังงานตามกฎหมาย – รู้ไว้ ใช่แค่เพื่อผ่านตรวจ


อาคารควบคุม คืออะไร?

อาคารที่ไม่ใช่พระที่นั่ง สถานทูต หรืออาคารศาสนา และมีลักษณะดังนี้:
  1. มีการติดตั้งหม้อแปลงไฟฟ้ารวมกันตั้งแต่ 1,000 กิโลวัตต์ หรือ 1,175 kVA ขึ้นไป

  2. หรือมีการใช้พลังงานรวมในปีปฏิทินที่ผ่านมา ตั้งแต่ 20 ล้านเมกะจูลขึ้นไป (รวมการใช้ไฟฟ้า พลังงานความร้อนจากไอน้ำ หรือเชื้อเพลิงอื่น ๆ)

หน้าที่ของอาคารควบคุม

  • แต่งตั้ง “ผู้รับผิดชอบด้านพลังงาน” ต้องขึ้นทะเบียนกับกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.)

  • จัดทำรายงานการใช้พลังงานประจำปี รายงานพลังงานไฟฟ้า น้ำมัน น้ำประปา ฯลฯส่งภายในเดือนมีนาคมของทุกปี ผ่านระบบออนไลน์ของ พพ.

  • จัดทำ “แผนอนุรักษ์พลังงาน”ระบุเป้าหมาย มาตรการ และแผนติดตามผล

  • ตรวจสอบและบำรุงรักษาระบบตามแผนงานที่กำหนดไว้

บทบาทของวิศวกรในเรื่องนี้

  • ร่วมเก็บข้อมูล วิเคราะห์ และจัดทำรายงานกับผู้รับผิดชอบด้านพลังงาน

  • ใช้ระบบ BMS, EMS, CMMS เพื่อจัดเก็บและยืนยันข้อมูล

  • เสนอแนวทางลดการใช้พลังงานที่ปฏิบัติได้จริง

  • ประเมินผลลัพธ์จากมาตรการ และวางแผนปรับปรุงต่อเนื่อง

  • เป็นผู้เชื่อมระหว่างข้อมูลเทคนิคกับการสื่อสารต่อผู้บริหาร


สรุปท้ายบท

การจัดการพลังงานที่ดี = ข้อมูล + เครื่องมือ + คน และเมื่อกฎหมายกำหนดให้ “ต้องทำ”วิศวกรอาคารจึงไม่ใช่แค่ผู้ดูแล แต่คือ “เจ้าภาพ” สำคัญที่จะเปลี่ยนการใช้พลังงานให้เกิดผลจริง ทั้งต่อองค์กร ต่อประเทศ และต่อโลก

EP.9: แนวโน้มวิศวกรรมอาคารในอีก 5 ปีข้างหน้า – ทักษะใหม่ที่ต้องเตรียมให้พร้อมตั้งแต่วันนี้ติดตามตอนต่อได้ที่ www.jack-journal.com และเพจ Jack Journal มีเรื่องมาเล่า


Comments


Chakrapan Pawangkarat

  • Facebook
  • LinkedIn
  • Instagram
bottom of page