OT Cybersecurity Is Now Part of Building Safety
- Chakrapan Pawangkarat
- 2 days ago
- 2 min read
จักรพันธ์ ภวังคะรัตน์
Head of Property Management, JLL Thailand
เลขาธิการ สมาคมบริหารทรัพย์สินแห่งประเทศไทย
14 December 2025

ทำไมความเสี่ยงทางไซเบอร์จึงกลายเป็นประเด็นหลักในการปกป้องสินทรัพย์อสังหาริมทรัพย์ในปี 2026
ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา เมื่อพูดถึง “ความปลอดภัยของอาคาร” ภาพที่คนส่วนใหญ่นึกถึงคือความเสี่ยงทางกายภาพที่จับต้องได้ เช่น อัคคีภัย ความมั่นคงของโครงสร้าง ไฟฟ้าดับ หรือระบบความปลอดภัยในชีวิต (Life Safety) ในขณะที่ “Cybersecurity” หากถูกพูดถึง ก็จะถูกจัดให้อยู่ในวงสนทนาอีกโลกหนึ่ง — เป็นเรื่องของฝ่าย IT และแทบไม่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจหลักด้านอสังหาริมทรัพย์
การแยกโลกแบบนั้น… ใช้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
เมื่อระบบอาคารเริ่มเชื่อมต่อกัน ใช้ข้อมูลเป็นตัวขับเคลื่อน และสามารถควบคุมจากระยะไกลได้ ความปลอดภัยทางไซเบอร์ของระบบ OT (Operational Technology) จึงกลายเป็นประเด็นด้าน “ความปลอดภัยของอาคาร” อย่างแท้จริง เทียบเท่ากับระบบป้องกันอัคคีภัย ความมั่นคงของระบบไฟฟ้า และการเตรียมความพร้อมภาวะฉุกเฉิน
ภายในปี 2026 นักลงทุนและผู้พัฒนาโครงการชั้นนำไม่ได้ตั้งคำถามอีกต่อไปว่า “ควรทำ OT Cybersecurity หรือไม่” แต่กำลังถามว่า“ควรฝังมันเข้าไปในอาคารให้ลึกแค่ไหน”
และการเปลี่ยนมุมมองนี้ ส่งผลโดยตรงต่อมูลค่าสินทรัพย์ ความสามารถในการทำประกัน ความยืดหยุ่นในการดำเนินงาน และความสามารถในการแข่งขันระยะยาวของอาคาร
1. ฉากหลัง: จากระบบแยกส่วน สู่โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล
ในอดีต ระบบอาคารถูกออกแบบให้เป็น ระบบปิดและแยกจากกัน:
ระบบปรับอากาศ แสงสว่าง การควบคุมการเข้าออก ลิฟต์ และระบบไฟทำงานแยกจากกันอย่างอิสระ
เครือข่ายควบคุมเป็นระบบเฉพาะภายใน
ความเสี่ยงทางไซเบอร์แทบไม่มี เพราะไม่มีการเชื่อมต่อภายนอก
ในโลกแบบนั้น Cybersecurity แทบไม่เกี่ยวข้องกับงาน MEP หรือ BMS
แต่โลกใบนั้นได้หายไปแล้ว
อาคารยุคใหม่พึ่งพา:
BMS และ IoT ที่ทำงานบนระบบ IP
แพลตฟอร์ม Cloud และการควบคุมจากระยะไกล
AI สำหรับการวิเคราะห์และเพิ่มประสิทธิภาพ
การเชื่อมต่อกับระบบ ESG, แอปผู้เช่า และระบบองค์กร
สิ่งที่เคยเป็น “ระบบควบคุมอาคาร” ได้พัฒนาเป็น โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่มีความสำคัญระดับวิกฤต
และเมื่อความสำคัญเพิ่มขึ้น ความเสี่ยงก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
2. ประวัติย่อ: ทำไมความเสี่ยง OT Cyber ถูกมองข้าม
ระยะที่ 1: ระบบอัตโนมัติที่ยังไม่เชื่อมต่อ
ยุคแรกของระบบอัตโนมัติ เน้นประสิทธิภาพ ลดคน ลดพลังงานระบบเป็น Local มี Manual Override และความล้มเหลวส่วนใหญ่เป็นเชิงกล
ระยะที่ 2: เชื่อมต่อเร็ว แต่ไม่มี Governance
เมื่อ IP Network เข้าสู่อาคาร การเชื่อมต่อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วแต่ไม่มีสถาปัตยกรรมด้านความปลอดภัยรหัสผ่านเริ่มต้น ระบบเครือข่ายแบบแบน และช่องทางลับของผู้ขาย กลายเป็นเรื่องปกติ
ระยะที่ 3: สัญญาณเตือนที่มองข้ามไม่ได้
เหตุการณ์จริงในหลายอุตสาหกรรม — สาธารณูปโภค ระบบขนส่ง โรงพยาบาล —พิสูจน์ชัดว่า ความล้มเหลวของ OT สามารถนำไปสู่ความเสียหายทางกายภาพ การหยุดชะงักของธุรกิจ และความเสียหายต่อชื่อเสียง
อสังหาริมทรัพย์ไม่ใช่ข้อยกเว้นแค่ยัง “ไม่พร้อม” เท่านั้น
3. ความจริงในปัจจุบัน (2025–2026): Cyber Risk = Operational Risk
วันนี้ ความเสี่ยงด้าน OT Cyber ไม่ใช่เรื่องสมมติอีกต่อไปแต่ส่งผลโดยตรงต่อ:
• ความปลอดภัยและระบบที่เกี่ยวข้องกับชีวิต
การถูกโจมตีระบบ HVAC ระบบควบคุมควัน ระบบเข้าออก หรือไฟฟ้าสามารถคุกคามความปลอดภัยของผู้ใช้อาคารได้จริง ไม่ใช่แค่ข้อมูล
• ความต่อเนื่องทางธุรกิจ
เหตุการณ์ไซเบอร์สามารถทำให้อาคารหยุดให้บริการกระทบผู้เช่า และทำให้ไม่สามารถรักษา SLA ได้
• มูลค่าสินทรัพย์และความเสี่ยงในการซื้อขาย
นักลงทุนเริ่มมองว่า OT Cyber Risk ที่ไม่ถูกจัดการคือ:
ภาระความเสี่ยงที่ซ่อนอยู่
ค่าใช้จ่าย CapEx หลังการเข้าซื้อ
สัญญาณเตือนในกระบวนการ Due Diligence
• ประกันและการกำกับดูแล
บริษัทประกันและหน่วยงานกำกับเริ่มถามคำถามชัดเจนขึ้นเกี่ยวกับ:
การแบ่งเครือข่าย (Segmentation)
แนวคิดการควบคุมการเข้าถึง
การเฝ้าระวังและการตอบสนองเหตุการณ์
กล่าวได้ว่า OT Cybersecurity ได้ถูกจัดอยู่ในกลุ่มความเสี่ยงเดียวกับ Fire / Life Safety แล้ว
4. สิ่งที่เปลี่ยนไปในขอบเขตงาน MEP และ BMS
ภายในปี 2026 โครงการชั้นนำเริ่มนิยามบทบาท MEP และ BMS ใหม่ Cybersecurity ไม่ใช่ “เรื่องของคนอื่น”
ขอบเขตงานสมัยใหม่เริ่มรวมหลักการ Secure-by-Design เช่น:
• การแบ่งเครือข่าย (Network Segmentation)
แยกชัดเจนระหว่าง:
ระบบ OT
เครือข่าย IT
เครือข่ายผู้เช่าและผู้ใช้งาน
• ปรัชญาการควบคุมการเข้าถึง
กำหนดชัด:
ใครเข้าถึงอะไรได้
จากที่ไหน
ภายใต้เงื่อนไขใด
ไม่ใช่การใช้รหัสผ่านเดียวกันทั้งระบบแล้วเก็บไว้ในคู่มือส่งมอบ
• การเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง
มองเห็น:
พฤติกรรมผิดปกติ
ความพยายามเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต
ความสมบูรณ์ของระบบ
การ “ตรวจจับ” สำคัญพอ ๆ กับการ “ป้องกัน”
• Governance และความรับผิดชอบ
มีเจ้าของชัดเจนสำหรับ:
การเปลี่ยน Configuration
การอัปเดต Patch
การรับมือเหตุการณ์
Cybersecurity กลายเป็นส่วนหนึ่งของ การกำกับการปฏิบัติงานอาคาร
5. ทำไมเรื่องนี้สำคัญต่อ นักลงทุน และผู้พัฒนาโครงการ
สำหรับผู้ลงทุนและเจ้าของสินทรัพย์ OT Cybersecurity ไม่ใช่รายละเอียดทางเทคนิคอีกต่อไปแต่คือ กลไกการปกป้องและสร้างมูลค่า
อาคารที่:
ปลอดภัยตั้งแต่การออกแบบ
มีความยืดหยุ่นในการดำเนินงาน
มีโครงสร้าง Governance ชัดเจน
มีแนวโน้มที่จะ:
รักษาผู้เช่าคุณภาพสูง
ลด Downtime ที่ไม่คาดคิด
ผ่านการตรวจ Due Diligence ได้ง่าย
ดึงดูดเงินทุนสถาบัน
ในทางกลับกัน อาคารที่ไม่จัดการ OT Cyber Risk จะเผชิญ:
ความผันผวนในการดำเนินงาน
ค่า Retrofit ที่สูงขึ้นในอนาคต
ตัวเลือกการ Exit ที่จำกัด
6. แนวโน้มอนาคต: จาก “Cyber-Safe” สู่ “Cyber-Resilient”
อนาคตไม่ได้หยุดแค่การ “ป้องกัน”แต่กำลังมุ่งสู่ ความยืดหยุ่น (Resilience)
อาคารยุคใหม่จะถูกออกแบบโดย:
สมมติว่าการโจมตีต้องเกิดขึ้น
แยกระบบได้รวดเร็ว
ฟื้นตัวได้โดยไม่ล้มเหลวทั้งอาคาร
OT Cybersecurity จะถูกปฏิบัติเหมือน Fire Engineering:
ถูกฝังตั้งแต่ต้น
มีการทดสอบสม่ำเสมอ
มีการกำกับดูแลต่อเนื่อง
ไม่ใช่อุปกรณ์เสริมแต่เป็นส่วนหนึ่งของ Operating System ของอาคาร
7. Call to Action: สิ่งที่แต่ละฝ่ายต้องเริ่มทำ “ตอนนี้”
สำหรับนักลงทุน
มอง OT Cybersecurity เป็นความเสี่ยงหลักของสินทรัพย์
ตั้งคำถามชัดเจนในขั้นตอนเข้าซื้อและรีไฟแนนซ์
เชื่อมโยง Cyber Resilience กับกลยุทธ์มูลค่าระยะยาว
สำหรับผู้พัฒนาโครงการ
ฝัง Secure-by-Design ตั้งแต่ Concept
อย่าลดต้นทุนระยะสั้นเพื่อสร้างภาระระยะยาว
เรียกร้องความชัดเจนจากที่ปรึกษาและผู้ขาย
สำหรับที่ปรึกษา MEP และ BMS
ขยายบทบาทจาก “ระบบใช้งานได้”
ผสานสถาปัตยกรรม Cybersecurity เข้ากับ Design Intent
วางตำแหน่งตัวเองเป็น “ที่ปรึกษาการบริหารความเสี่ยง” ไม่ใช่แค่ผู้ออกแบบระบบ
บทส่งท้าย
ในปี 2026 อาคารที่เชื่อมต่อดิจิทัล แต่เปราะบางทางไซเบอร์ไม่ใช่อาคารสมัยใหม่ — แต่คืออาคารที่ไม่ปลอดภัย
OT Cybersecurity ได้ข้ามจุดเปลี่ยนสำคัญแล้วมันไม่ใช่เรื่องของ IT ไม่ใช่เรื่องเสริมและไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป
มันคือส่วนหนึ่งของ “ความปลอดภัยอาคาร”
คำถามจึงไม่ใช่ว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะเกิดขึ้นหรือไม่
แต่คือใครจะเป็นผู้นำ — และใครจะต้องเร่งตามให้ทัน


