Smart Building ในความหมายใหม่จาก “อุปกรณ์อัจฉริยะ” สู่โมเดลการบริหารอาคารด้วยข้อมูลตลอดวงจรชีวิต
- Chakrapan Pawangkarat
- 2 days ago
- 2 min read
จักรพันธ์ ภวังคะรัตน์
Head of Property Management, JLL Thailand
เลขาธิการ สมาคมบริหารทรัพย์สินแห่งประเทศไทย
14 December 2025

ตลอดกว่าสิบปีที่ผ่านมา คำว่า “Smart Building” ถูกใช้กันอย่างแพร่หลาย—และในขณะเดียวกัน ก็ถูกเข้าใจผิดอย่างกว้างขวางเช่นกัน
ในหลายโครงการ “ความฉลาด” ของอาคารหมายถึงการติดตั้งเทคโนโลยีเพิ่มเข้าไปในช่วงท้ายของการก่อสร้างไม่ว่าจะเป็นระบบ BMS, Dashboard, Sensor หรือ Mobile Appโซลูชันเหล่านี้อาจดูน่าประทับใจในวันส่งมอบงาน แต่ไม่นานนัก กลับกลายเป็นเพียงระบบที่ถูกใช้งานน้อย หรือแทบไม่ได้ถูกใช้เลยในช่วงปฏิบัติการจริง
ยุคนั้นกำลังจะจบลง
วันนี้ นักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ระดับสถาบัน ทีมพัฒนาโครงการ และที่ปรึกษา MEP ชั้นนำทั่วโลก กำลังมีความเข้าใจตรงกันในประเด็นสำคัญประการหนึ่งว่า
Smart Building ไม่ใช่การรวมอุปกรณ์ แต่คือโมเดลการบริหารอาคารด้วยข้อมูล ที่ครอบคลุมตลอดวงจรชีวิตสินทรัพย์ ตั้งแต่การออกแบบ การก่อสร้าง ไปจนถึงการปฏิบัติการระยะยาว
นี่ไม่ใช่การปรับภาพลักษณ์ แต่คือการเปลี่ยนโครงสร้างความคิดของทั้งอุตสาหกรรมและกำลังเปลี่ยนวิธีที่อาคารถูกออกแบบ ส่งมอบ ประเมินมูลค่า และซื้อขาย
ย้อนอดีต: Smart Building หลงทางได้อย่างไร
ระยะที่ 1: Automation (ทศวรรษ 1990–2000)
Smart Building ในยุคแรกเน้นเรื่องระบบอัตโนมัติเป็นหลัก
ระบบควบคุม HVAC แบบรวมศูนย์
ระบบจัดการพลังงาน
ระบบแจ้งเตือนและตั้งเวลาเบื้องต้น
คุณค่าหลักในยุคนั้นคือ “ประสิทธิภาพ”ทำสิ่งเดิมให้ใช้คนและพลังงานน้อยลง
ระยะที่ 2: Integration & Visualization (ทศวรรษ 2010)
เมื่อเทคโนโลยีดิจิทัลพัฒนาขึ้น อาคารเริ่มเชื่อมต่อกันมากขึ้น
ระบบ BMS แบบบูรณาการ
IoT Sensors
Dashboard และ Mobile Interface
แต่โครงการส่วนใหญ่ยังคงเป็น Technology-first ไม่ใช่ Decision-first
ข้อมูลมีอยู่จริงแต่ไม่ถูกจัดโครงสร้างมาเพื่อช่วย “ตัดสินใจเชิงธุรกิจ”
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
เจ้าของอาคารจำนวนมากพบว่า
ลงทุน CapEx สูงกับระบบ Smart
การใช้งานจริงในช่วงปฏิบัติการต่ำ
แทบไม่สร้างมูลค่าเพิ่มให้สินทรัพย์
Smart Building จึงถูกมองเป็น ต้นทุน มากกว่าจะเป็น สินทรัพย์เชิงกลยุทธ์
ปัจจุบัน: Smart Building ในฐานะกลยุทธ์ตลอดวงจรชีวิต
บริษัทที่ปรึกษาระดับโลกกำลังปรับกรอบความคิดใหม่ Smart Building ไม่ใช่ “แพ็กเกจเทคโนโลยี”แต่คือ ระบบปฏิบัติการของอาคาร (Building Operating Model)
การเปลี่ยนแปลงสำคัญที่สุดคือแนวคิดนี้:
คุณค่าของ Smart Building ไม่ได้อยู่ที่สิ่งที่ติดตั้งแต่อยู่ที่การตัดสินใจที่อาคารนั้นสนับสนุนได้ในระยะยาว
อะไรคือสิ่งที่เปลี่ยนไป?
1. นักลงทุนเริ่มตั้งคำถามที่ลึกกว่าเดิม
นักลงทุนระดับสถาบันไม่ได้ดูแค่ Certification หรือ Amenity อีกต่อไปแต่เริ่มถามว่า
อาคารนี้สามารถสร้างข้อมูลปฏิบัติการที่เชื่อถือได้หรือไม่
ประสิทธิภาพสามารถวัด เปรียบเทียบ และพัฒนาได้ต่อเนื่องหรือไม่
ข้อมูล ESG ตรวจสอบได้จริง หรือเป็นเพียงการประมาณ
ระบบในอนาคตสามารถเชื่อมต่อเพิ่มได้โดยไม่ต้องรื้อใหม่หรือไม่
อาคารที่ตอบคำถามเหล่านี้ไม่ได้กำลังถูกมองว่าเป็น สินทรัพย์เสี่ยงต่อการล้าสมัยในอนาคต
2. ทีมพัฒนาโครงการเริ่มบริหารความเสี่ยงระยะยาว
Developer เริ่มตระหนักว่า
การตัดสินใจด้านการออกแบบ ล็อกต้นทุนตลอดอายุอาคารกว่า 70–80%
โครงสร้างข้อมูลที่ไม่ดี จะสร้างต้นทุนการบริหารระยะยาว
มูลค่าการขายหรือ Exit ในอนาคต ขึ้นกับความโปร่งใสและประวัติผลการดำเนินงาน
Smart Building จึงกลายเป็น เครื่องมือบริหารความเสี่ยงไม่ใช่แค่จุดขายทางการตลาด
3. บทบาทของที่ปรึกษา MEP กำลังเปลี่ยน
ขอบเขตงาน MEP กำลังขยายอย่างชัดเจน
จากเดิมที่ส่งมอบเพียง “ระบบ”ปัจจุบันที่ปรึกษาชั้นนำเริ่มกำหนด
Use-cases เชิงปฏิบัติการ (อาคารต้องช่วยให้ตัดสินใจเรื่องอะไรได้)
ความต้องการด้านข้อมูล (ต้องใช้ข้อมูลอะไร ความถี่เท่าไร ความแม่นยำระดับไหน)
ผลลัพธ์ของการส่งมอบ (เจ้าของต้องได้ความสามารถอะไรจริง ไม่ใช่แค่เอกสาร)
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ MEP ไม่ได้ออกแบบแค่ระบบอีกต่อไปแต่กำลังออกแบบ “การตัดสินใจ” ของอาคาร
โมเดล Smart Building ใหม่: Data + Lifecycle
แก่นของ Smart Building ยุคใหม่ คือการเชื่อมโยง 3 ช่วงของอายุอาคารเข้าด้วยกัน
1. ช่วงออกแบบ: วางโครงสร้างข้อมูลอย่างมีเป้าหมาย
Smart Building เริ่มต้นด้วยคำถาม เช่น
KPI ด้านการปฏิบัติการในปีที่ 1, 5 และ 10 คืออะไร
ต้องใช้ข้อมูลอะไรเพื่อสนับสนุน KPI เหล่านั้น
ระบบควรถูก Tag และจัดโครงสร้างอย่างไรตั้งแต่ต้น
ผลลัพธ์คือ
Data Schema ที่ชัดเจน
มาตรฐานการเชื่อมต่อที่รองรับอนาคต
สถาปัตยกรรมระบบที่ไม่ผูกติดกับ Vendor ใด Vendor หนึ่ง
2. ช่วงก่อสร้าง: ส่งมอบได้จริงและตรวจสอบได้
ในช่วงก่อสร้างและ Commissioning
ระบบถูกตรวจสอบทั้งด้านการทำงานและคุณภาพข้อมูล
Naming Convention และ Metadata ถูกยืนยัน
Digital Handover มีความสำคัญไม่แพ้ Physical Handover
อาคารจึงถูกส่งมอบไม่ใช่แค่เป็นสิ่งปลูกสร้างแต่เป็น แพลตฟอร์มข้อมูลที่พร้อมใช้งาน
3. ช่วงปฏิบัติการ: การปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
ข้อมูลถูกนำไปใช้เพื่อ
Predictive Maintenance
Energy Optimization
การควบคุมคุณภาพสภาพแวดล้อมภายในอาคาร
ESG Reporting
การวางแผน CapEx ระยะยาว
อาคารไม่เสื่อมถอยแต่ “เรียนรู้และพัฒนา” ได้ตลอดเวลา
ความหมายต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องแต่ละกลุ่ม
สำหรับนักลงทุน
Smart Building ช่วยรักษามูลค่าสินทรัพย์ระยะยาว
ข้อมูลที่โปร่งใสช่วยลดความเสี่ยง
เปรียบเทียบผลการดำเนินงานระหว่างอาคารได้จริง
Smart Building กำลังกลายเป็นเงื่อนไขพื้นฐานของเงินลงทุนสถาบันไม่ใช่ Feature พรีเมียม
สำหรับทีมพัฒนาโครงการ
กลยุทธ์ Smart ช่วยลดต้นทุนตลอดอายุอาคาร
การปรับปรุงในอนาคตทำได้ง่ายและถูกกว่า
เรื่องราวในการ Exit ชัดเจนและน่าเชื่อถือมากขึ้น
Smart Building ช่วยทั้งการพัฒนา และการขายในอนาคต
สำหรับที่ปรึกษา MEP
ขอบเขตงานขยายจาก “ระบบ” เป็น “ผลลัพธ์”
ความเชี่ยวชาญทางเทคนิคถูกยกระดับเป็น Strategic Advisory
คุณค่าเปลี่ยนจากค่าบริการครั้งเดียว เป็นความร่วมมือระยะยาว
MEP ที่เข้าใจข้อมูลและวงจรชีวิตอาคารจะเป็นผู้นำอุตสาหกรรมในทศวรรษหน้า
อนาคต: ทิศทางของ Smart Building
แนวโน้มสำคัญที่กำลังเกิดขึ้นแล้ว ได้แก่
Smart เป็นมาตรฐาน ไม่ใช่ทางเลือก
การประเมินมูลค่าจากข้อมูลผลการดำเนินงานจริง
อาคารที่พร้อมสำหรับ AI (AI-Ready Buildings)
ESG เชื่อมตรงกับข้อมูลปฏิบัติการจริง
อาคารในฐานะแพลตฟอร์ม ไม่ใช่โครงการที่จบแล้ว
Call to Action: ถึงเวลาคิดใหม่เรื่อง Smart Building
สำหรับนักลงทุน อย่าถามว่า “อาคารนี้ Smart ไหม”แต่จงถามว่า “อาคารนี้ช่วยตัดสินใจอะไรได้บ้างในอีก 10 ปีข้างหน้า”
สำหรับ Developer ฝังกลยุทธ์ Smart ตั้งแต่ Concept อย่ารอจนถึงวันส่งมอบ
สำหรับที่ปรึกษา MEP ก้าวข้าม Equipment Schedule นิยาม Use-case, Data Outcome และคุณค่าการปฏิบัติการให้ชัดเจน
บทสรุป
Smart Building ยุคใหม่จะไม่ถูกนิยามด้วยเทคโนโลยี
แต่จะถูกนิยามด้วย ความชัดเจนของเป้าหมาย คุณภาพของข้อมูล และความสามารถในการเปลี่ยนข้อมูลให้เป็นการตัดสินใจอย่างต่อเนื่องตลอดอายุอาคาร
ผู้ที่ปรับตัวก่อน จะเป็นผู้กำหนดตลาด ผู้ที่ไม่ปรับ อาจพบว่าสินทรัพย์—และความเชี่ยวชาญของตนกำลังล้าสมัยเร็วกว่าที่คิด
การเปลี่ยนผ่านได้เริ่มขึ้นแล้วคำถามคือ ใครจะเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงนี้


