การประเมินความปลอดภัยของระบบปรับอากาศในอาคารสูงหลังแผ่นดินไหว
- Chakrapan Pawangkarat
- Mar 29
- 1 min read
จักรพันธ์ ภวังคะรัตน์
อดีตนายกสมาคมวิศวกรรมปรับอากาศแห่งประเทศไทย (ACAT)
Head of Property and Asset Management, JLL Thailand
29 March 2025

กรุงเทพมหานครเพิ่งได้รับแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งส่งผลต่ออาคารสูงและโครงสร้างพื้นฐานบางส่วน แม้ว่าระบบโครงสร้างของอาคารในกรุงเทพฯ จะออกแบบให้รองรับแรงสั่นสะเทือนได้ในระดับหนึ่ง แต่การตรวจสอบความเสียหายของระบบสำคัญ เช่น ระบบปรับอากาศ (HVAC) ยังคงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะอาคารสูงที่มีผู้ใช้งานจำนวนมากและระบบที่ซับซ้อน ควรมีการตรวจสอบองค์ประกอบหลักของระบบ HVAC อย่างละเอียดดังนี้
1. การตรวจสอบโครงสร้างและการยึดโยงของอุปกรณ์
ตรวจสอบว่า Chiller, AHU, FCU, ปั๊มน้ำ, คอมเพรสเซอร์ และ Cooling Tower มีการเคลื่อนตัวจากตำแหน่งเดิมหรือได้รับความเสียหายหรือไม่
ตรวจสอบ ระบบยึดโยงอุปกรณ์ เช่น ฐานรองรับ สลักเกลียว หรือสปริงกันสะเทือนว่ายังแข็งแรงและไม่มีการหลุดออกจากจุดยึด
ตรวจสอบว่าท่อส่งน้ำเย็น (Chilled Water Pipes) และท่อส่งลมมีรอยแตกร้าว รั่วซึมหรือไม่ โดยเฉพาะอาคารสูงในย่านธุรกิจของกรุงเทพฯ ที่มีระบบท่อแนวดิ่งขนาดใหญ่
2. การตรวจสอบระบบท่อส่งลมและระบบท่อส่งน้ำ
ตรวจสอบความเสียหายของ ท่อลมและฉนวนกันความร้อน ว่ามีรอยแตกร้าว หลุดจากจุดยึด หรือเกิดการบิดเบี้ยวหรือไม่
ตรวจสอบ การรั่วไหลของน้ำเย็น น้ำร้อน หรือน้ำหล่อเย็น โดยดูจากร่องรอยน้ำรั่วหรือแรงดันที่ลดลงผิดปกติ
ตรวจสอบ วาล์ว ปั๊มน้ำ และข้อต่อ ว่ามีการแตกร้าว รั่วซึม หรือหลุดจากตำแหน่งหรือไม่ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ได้รับแรงสั่นสะเทือนสูง เช่น อาคารสูงในย่านสาทรและสุขุมวิท
3. การตรวจสอบ Cooling Tower
ตรวจสอบโครงสร้างของ Cooling Tower ว่ามีการแตกร้าว บิดเบี้ยว หรือหลุดจากฐานรองรับหรือไม่
ตรวจสอบ พัดลม Cooling Tower ว่าใบพัดอยู่ในสภาพดี ไม่มีการแตกหัก และไม่เกิดเสียงผิดปกติ
ตรวจสอบ มอเตอร์และระบบขับเคลื่อน (Drive System) ว่ายังทำงานได้ตามปกติ ไม่มีการเคลื่อนตัวหรือเสียหาย
ตรวจสอบ ถังพักน้ำ (Basin) และท่อน้ำเข้า-ออก ว่ามีการแตกร้าวหรือรั่วซึมหรือไม่
ตรวจสอบ Drift Eliminator, Fill Media และ Nozzle ว่ายังอยู่ในตำแหน่งเดิมและไม่มีการเสียหาย
ตรวจสอบ ระบบท่อส่งน้ำหล่อเย็น (Cooling Water Pipes) ว่ามีรอยรั่วหรือจุดเชื่อมต่อหลวมหลังแผ่นดินไหว โดยเฉพาะในอาคารสูงที่ใช้ระบบหล่อเย็นขนาดใหญ่ในกรุงเทพฯ
4. การตรวจสอบห้อง AHU, Shaft และ Air Duct
ห้อง AHU (Air Handling Unit Room)
ตรวจสอบโครงสร้างห้อง AHU ว่ามีรอยแตกร้าวหรือความเสียหายที่อาจส่งผลต่อการใช้งาน
ตรวจสอบประตูและซีลกันรั่วว่าปิดสนิท ไม่มีการเสียหาย
ตรวจสอบ คอยล์เย็น พัดลม และมอเตอร์ ว่าทำงานปกติ ไม่มีเสียงผิดปกติหรือการสั่นสะเทือนผิดปกติ
ตรวจสอบ ถาดรองน้ำทิ้งและท่อระบายน้ำ ว่ามีการรั่วซึมหรืออุดตันหรือไม่
ช่องแนวตั้งสำหรับท่อลมและท่อน้ำ (Shaft)
ตรวจสอบโครงสร้าง Shaft ว่ามีรอยแตกร้าวหรือการบิดเบี้ยวที่อาจทำให้ท่อภายในเสียหาย
ตรวจสอบฉนวนหุ้มท่อลมและท่อน้ำว่ายังอยู่ในตำแหน่งเดิมและไม่มีการฉีกขาด
ตรวจสอบการยึดท่อภายใน Shaft ว่ายังแข็งแรงและไม่มีการขยับออกจากจุดยึด
ท่อลม
ตรวจสอบท่อลมหลักและท่อลมย่อยว่ามีรอยแตกร้าว หลุดจากจุดยึด หรือบิดเบี้ยวหรือไม่
ตรวจสอบฉนวนกันความร้อนและฉนวนดูดซับเสียงว่าหลุดหรือเสียหายหรือไม่
ตรวจสอบช่องระบายอากาศและ Grille ว่ายังอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องและไม่เสียหาย
5. การตรวจสอบระบบไฟฟ้าและควบคุม
ตรวจสอบ สายไฟ แผงควบคุม และเบรกเกอร์ ว่ามีรอยไหม้ หลุด หรือชำรุดหรือไม่
ตรวจสอบ เซ็นเซอร์และระบบควบคุมอัตโนมัติ (BMS) ว่ายังทำงานได้ถูกต้องหรือไม่
ตรวจสอบ มอเตอร์ พัดลม และคอมเพรสเซอร์ ว่ามีเสียงผิดปกติหรือการสั่นสะเทือนผิดปกติหรือไม่
6. การตรวจสอบประสิทธิภาพการทำงานของระบบ
ทดสอบระบบเพื่อดูว่า การไหลของอากาศและอุณหภูมิ อยู่ในระดับปกติหรือไม่
ตรวจสอบ แรงดันของน้ำและสารทำความเย็น ว่าอยู่ในค่าปกติหรือไม่
ตรวจสอบ คอยล์เย็นและคอยล์ร้อน ว่ามีการอุดตันหรือรั่วซึมหรือไม่
7. การบันทึกผลการตรวจสอบและแนวทางแก้ไข
บันทึกปัญหาที่พบและแนวทางแก้ไขในรายละเอียด
กำหนดแผนซ่อมบำรุงสำหรับจุดที่ได้รับผลกระทบ
จัดทำรายงานสรุปเพื่อประเมินความพร้อมของระบบก่อนนำกลับมาใช้งาน
หากพบความเสียหายร้ายแรง ควรหยุดการทำงานของระบบและแจ้งวิศวกรที่มีใบอนุญาตเพื่อตรวจสอบโดยละเอียดก่อนเปิดใช้งานระบบอีกครั้ง โดยเฉพาะอาคารสูงในกรุงเทพฯ ที่มีโครงสร้างซับซ้อนและต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ใช้งาน
Acknowledgement:
"This article was generated with the assistance of ChatGPT, an AI language model, and subsequently reviewed and edited by the author."


