วิศวกรอาคารต้องรู้ EP.7: ระบบ BMS และ Smart Building – เมื่ออาคารคิดเองได้ วิศวกรต้องรู้ทันระบบอัจฉริยะ
- Chakrapan Pawangkarat
- Apr 20
- 2 min read
จักรพันธ์ ภวังคะรัตน์
Head of Property and Asset Management, JLL Thailand
เลขาธิการ สมาคมบริหารทรัพย์สินแห่งประเทศไทย
20 April 2025

จากซีรีส์: วิศวกรอาคารต้องรู้
ในยุคที่ “อาคารฉลาดได้” ด้วยข้อมูล เซ็นเซอร์ และซอฟต์แวร์ วิศวกรอาคารไม่อาจทำหน้าที่แค่ดูแลเครื่องจักรแบบเดิมอีกต่อไป เพราะวันนี้ระบบในอาคาร “คุยกันได้ คิดวิเคราะห์เองได้ และแจ้งเตือนเราได้ก่อนที่ปัญหาจะเกิด” และทั้งหมดนั้น…จะไม่มีความหมายเลย ถ้า “คน” ที่ดูแลระบบยังไม่เข้าใจมันจริง
1. BMS – สมองกลของอาคาร
BMS (Building Management System) คือระบบควบคุมแบบรวมศูนย์ที่เชื่อมโยงระบบหลัก ๆ ของอาคารไว้ด้วยกัน เพื่อให้สามารถควบคุม ตรวจสอบ และแสดงผลแบบ Real-time ได้ในที่เดียว
ระบบที่ BMS ควบคุมได้มีอะไรบ้าง?
ระบบปรับอากาศ: Chiller, AHU, FCU, VAV, VRF
ระบบไฟฟ้า: โหลด, ไฟฉุกเฉิน, UPS, ไฟสำรอง
ระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้: Fire Alarm, Sprinkler, Fire Pump
ระบบน้ำและสุขาภิบาล: ปั๊มน้ำ, ถังเก็บ, ระบบเติมน้ำ
ลิฟต์และบันไดเลื่อน: สถานะการใช้งาน, แจ้งเตือนขัดข้อง
Access Control & CCTV: การเข้า–ออก, กล้องวงจรปิด
ระบบแสงสว่าง & พลังงานทดแทน: Motion Sensor, Solar
ระบบวัดพลังงาน: Energy Meter, Water Meter, Gas Meter
ประโยชน์ของ BMS
ตรวจสอบและควบคุมจากศูนย์เดียว
ประหยัดพลังงานด้วยการควบคุมแบบแม่นยำ
วิเคราะห์แนวโน้มการใช้พลังงาน / ระบบผิดปกติ
ยกระดับความปลอดภัยและความสะดวกในการดูแลอาคาร
2. Smart Building – เมื่ออาคารเริ่มคิดเองได้
Smart Building คือการต่อยอดจาก BMS โดยเพิ่มความสามารถในการ "เรียนรู้" และ "ปรับตัวอัตโนมัติ"ผ่านการรวมระบบ BMS + Sensor + IoT + Data Analytics + AI
ตัวอย่างของ Smart Building
ระบบเปิดแอร์เฉพาะโซนที่มีคนอยู่ และปรับอุณหภูมิตามสภาพอากาศภายนอก
ระบบวิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้อาคาร เช่น เวลาเข้า–ออก / การใช้ห้องประชุม
ระบบสั่งงานอัตโนมัติ เช่น ปิดไฟ / ลดลม / ปรับแสง / เปิดม่าน
ระบบวิเคราะห์ Peak Load รายวัน และกระจายโหลดให้สมดุล
ข้อดี: ประหยัดพลังงานเพิ่มขึ้น 15–30%, เพิ่มความพึงพอใจผู้ใช้อาคาร, และยกระดับภาพลักษณ์อาคาร
3. AFDD – Automated Fault Detection and Diagnosis
คือระบบอัจฉริยะที่ช่วยตรวจจับและวิเคราะห์ความผิดปกติของอุปกรณ์ในอาคารแบบอัตโนมัติไม่ใช่แค่ “แจ้งเตือน” แต่บอกด้วยว่า “ปัญหาอาจเกิดจากอะไร”
ตัวอย่างการทำงานของ AFDD
AHU มีแรงดันลมตก → แจ้งเตือนว่าอาจเกิดจากแผ่นกรองอากาศตัน
ปั๊มน้ำทำงานผิดรอบต่อเนื่อง → แจ้งเตือนว่าอาจมีน้ำรั่วหรือเซ็นเซอร์เสีย
Chiller ใช้พลังงานเกินค่าปกติ → วิเคราะห์ว่าอาจมี scaling หรือความดันน้ำไม่เหมาะสม
ผลลัพธ์:
ตรวจพบปัญหาก่อนเสีย
ลดเวลาการหาสาเหตุ (Root Cause)
วางแผนซ่อมล่วงหน้าได้แม่นยำ
ช่วยจัดลำดับความเร่งด่วนของใบงาน
4. CMMS – ระบบบริหารจัดการงานซ่อมบำรุง
CMMS (Computerised Maintenance Management System) คือระบบดิจิทัลที่ใช้จัดการงานซ่อมและบำรุงรักษาแบบครบวงจรเปลี่ยนจากใบแจ้งซ่อมกระดาษ หรือ Excel มาอยู่ในระบบที่โปร่งใสและวิเคราะห์ได้
ฟีเจอร์หลักของ CMMS
บันทึกใบแจ้งซ่อมจากผู้ใช้งาน
วางแผนงานบำรุงรักษาตามรอบ (PM)
จัดเก็บข้อมูลเครื่องจักรและประวัติการซ่อม
ติดตามงานซ่อมแบบ Real-time
วัด KPI ทีมงาน เช่น SLA, Downtime, MTTR
CMMS + BMS + AFDD = Trio พลังอัจฉริยะ
BMS แจ้งสถานะอุปกรณ์
AFDD วิเคราะห์ Fault
CMMS สร้างใบงานซ่อม และติดตามผลจนปิดงาน
ผลลัพธ์:
ลดงานซ้ำซ้อน
เพิ่มประสิทธิภาพทีมช่าง
เก็บข้อมูลเพื่อวางแผนงบประมาณและเปลี่ยนอะไหล่ล่วงหน้า
ใช้งานผ่าน Mobile App ได้ทุกที่
5. บทบาทใหม่ของวิศวกรอาคารในโลกอัจฉริยะ
วิศวกรอาคารไม่ใช่แค่ "ดูแลเครื่อง" อีกต่อไปแต่คือ “ผู้นำเทคโนโลยี” และ “ผู้แปลภาษาระบบ” ให้กลายเป็นคุณค่าทางธุรกิจ
หน้าที่หลักที่เปลี่ยนไป
วิเคราะห์ข้อมูลจาก BMS / AFDD เพื่อวางแผน PM อย่างแม่นยำ
บริหารทีมช่างและเวลาได้ด้วย CMMS
ตีความสัญญาณเตือน และสื่อสารกับผู้บริหารให้เข้าใจง่าย
ประสานกับ IT / Vendor / Facility เพื่อพัฒนาอาคาร
เป็นที่ปรึกษาเชิงกลยุทธ์ให้อาคารในแง่เทคโนโลยี พลังงาน และความยั่งยืน
สรุปท้ายบท
อาคารอัจฉริยะจะฉลาดแค่ไหน… ขึ้นอยู่กับ “คนดูแลระบบ” BMS ช่วยควบคุม AFDD ช่วยเตือนล่วงหน้า CMMS ช่วยจัดการงานแต่ทั้งหมดจะไร้ประโยชน์ ถ้าไม่มี “วิศวกรอาคาร” ที่เข้าใจระบบและใช้มันให้เกิดประโยชน์สูงสุด
EP.8: การจัดการพลังงานในอาคาร – ประหยัดแบบมีข้อมูล ไม่ใช่แค่ปิดไฟติดตามตอนต่อไปที่ www.jack-journal.com และเพจ Jack Journal มีเรื่องมาเล่า


