แอร์ในห้องเครื่องลิฟต์: ระเบิดเวลาที่ป้องกันได้ ด้วย All-Air System
- Chakrapan Pawangkarat
- Aug 22
- 2 min read
จักรพันธ์ ภวังคะรัตน์
Head of Property Management, JLL Thailand
เลขาธิการ สมาคมบริหารทรัพย์สินแห่งประเทศไทย
22 August 2025

บทนำ
ห้องเครื่องลิฟต์ (Lift Machine Room) เปรียบเสมือนหัวใจและสมองของระบบขนส่งแนวดิ่งในอาคารสูง ทุกการเคลื่อนไหวขึ้นลงของผู้คนและสินค้าในอาคารถูกควบคุมจากห้องนี้ทั้งหมด อุปกรณ์สำคัญอย่าง ลิฟต์คอนโทรลเลอร์ (Lift Controller), มอเตอร์ลิฟต์ (Traction Motor) และ แผงวงจรควบคุม (VVVF Drive) ต่างถูกรวมอยู่ในห้องนี้
แต่สิ่งที่น่ากังวลคือ อาคารจำนวนไม่น้อยกลับเลือกติดตั้ง เครื่องปรับอากาศขนาดเล็ก อยู่ภายในห้องเครื่องลิฟต์ เพื่อแก้ปัญหาอุณหภูมิสูงจากการทำงานของอุปกรณ์ไฟฟ้าและมอเตอร์ โดยไม่ตระหนักเลยว่านี่คือการสร้าง “ระเบิดเวลา” ที่พร้อมจะทำลายระบบลิฟต์ได้ทุกเมื่อ
เพราะเครื่องปรับอากาศขนาดเล็กนี้มาพร้อมกับ น้ำคอนเดนเสท (condensate water) ซึ่งหากเกิดการรั่ว ไหลนอง หรือแม้เพียงหยดเล็ก ๆ ลงบนแผงวงจรไฟฟ้า ก็เพียงพอที่จะทำให้ระบบลิฟต์ทั้งตึกหยุดชะงักทันที และความเสียหายที่เกิดขึ้นมักมีมูลค่าสูงเกินกว่าที่เจ้าของอาคารหรือผู้จัดการจะอยากเสี่ยง
ความเสี่ยงจากการติดแอร์ในห้องเครื่องลิฟต์
การมีเครื่องแอร์ขนาดเล็กภายในห้องเครื่องลิฟต์ สร้างความเสี่ยงหลายด้านที่ผู้จัดการอาคารต้องตระหนัก ดังนี้
1. ท่อน้ำทิ้งอุดตันและน้ำคอนเดนเสทล้น
เครื่องปรับอากาศทุกตัวจะผลิตน้ำคอนเดนเสทออกมา ซึ่งต้องไประบายออกทางท่อน้ำทิ้ง หากท่อน้ำทิ้งเกิดการอุดตัน น้ำจะเอ่อล้นจากถาดรองน้ำทิ้ง (drain pan overflow) และไหลนองไปทั่วพื้นห้องเครื่อง
น้ำที่นองบนพื้นอาจซึมเข้าสู่อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ตั้งอยู่กับพื้น เช่น ตู้ควบคุม
น้ำบางส่วนอาจไหลผ่านช่องทะลุลงไปยัง ปล่องลิฟต์ (hoistway) ส่งผลให้อุปกรณ์ในปล่อง เช่น เซนเซอร์ ประตู มอเตอร์ชั้นล่าง หรือสายเคเบิล ได้รับความเสียหาย
ปัญหาเล็ก ๆ แค่ท่ออุดตัน จึงสามารถกลายเป็นหายนะที่ทำให้ลิฟต์เสียทั้งตึก
2. ปั๊มน้ำทิ้งเสีย
หลายอาคารเลือกติดตั้ง condensate pump เพื่อช่วยระบายน้ำออก แต่หากปั๊มเสียหายหรือขัดข้อง น้ำที่สะสมอยู่ในถาดจะเอ่อล้นในทันที ปัญหานี้มักเกิดขึ้นโดยไม่ทันมีสัญญาณเตือน ทำให้เกิดความเสียหายแบบฉับพลัน
3. ความชื้นสะสม
แม้น้ำจะไม่หยดตรง ๆ แต่ความชื้นสูงในห้องเครื่องก็เป็นอันตรายต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า ความชื้นสามารถกัดกร่อนบอร์ดวงจร และทำให้เกิดการลัดวงจร (short circuit) ได้ง่าย
4. ความเสียหายที่แพงกว่าที่คิด
ลิฟต์คอนโทรลเลอร์และ VVVF Drive มีราคาหลักล้าน และต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์กว่าจะซ่อมหรือเปลี่ยนใหม่ได้ ระหว่างนั้นอาคารต้องเผชิญกับ downtime ที่สร้างผลกระทบต่อผู้ใช้อาคารโดยตรง ทั้งในมุมความไม่สะดวก และในมุมความเชื่อมั่นต่อคุณภาพการจัดการอาคาร
หลักการออกแบบห้องเครื่องลิฟต์
ห้องเครื่องลิฟต์ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นพื้นที่ทางไฟฟ้าที่ “แห้งและปลอดจากน้ำ” หลักการสำคัญที่ควรยึดถือ ได้แก่
ห้องเครื่องและพื้นที่ที่เกี่ยวข้องกับลิฟต์ ต้องใช้เฉพาะงานลิฟต์เท่านั้น ไม่ควรนำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่น
ต้องปลอดจากท่อน้ำใดๆ รวมถึงท่อระบายน้ำฝน ท่อน้ำประปา ท่อระบายน้ำจากห้องน้ำ หรือระบบที่อาจก่อให้เกิดน้ำหรือความชื้น
หากมีความจำเป็นต้องปรับอากาศ ต้องทำให้เครื่องปรับอากาศและส่วนที่มีน้ำอยู่ภายนอกห้อง
ห้องเครื่องลิฟต์ควรเป็น Dry Room อย่างแท้จริง เพื่อคงความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยของระบบ
ทางเลือก: All-Air System
เพื่อตัดปัญหาเรื่องน้ำอย่างสิ้นเชิง แนวทางที่ปลอดภัยและยั่งยืนที่สุดคือการใช้ All-Air System
แนวคิดสำคัญ: แทนที่จะติดตั้งเครื่องปรับอากาศอยู่ในห้องเครื่องลิฟต์ → ย้ายเครื่องออกไปอยู่นอกห้อง แล้วเดิน เฉพาะท่อลม เข้ามา
การทำงานของ All-Air System
AHU หรือ FCU ติดตั้งไว้ภายนอกห้อง เช่น บริเวณโถงบริการ หรือห้องเทคนิค
เดินท่อลม Supply และ Return เข้าสู่ห้องเครื่อง โดยท่อทั้งหมดต้องมีฉนวนป้องกันการควบแน่น
ควบคุมอุณหภูมิในห้องเครื่องด้วย thermostat ที่ติดตั้งในห้อง แต่สั่งงานเครื่องจากภายนอก
มี fire damper / smoke damper ที่จุดเจาะผนังเพื่อความปลอดภัยด้านอัคคีภัย
ข้อดีของ All-Air System
ตัดปัญหาน้ำรั่ว → ไม่มีท่อน้ำ ไม่มีคอนเดนเสท ไม่มีความเสี่ยงน้ำล้นหรือรั่ว
ลดภาระการบำรุงรักษา → ทีมช่างไม่ต้องเข้าไปซ่อมหรือทำความสะอาดในห้องเครื่องลิฟต์
สภาพแวดล้อมเสถียร → สามารถควบคุมอุณหภูมิและความชื้นได้อย่างเหมาะสม
สอดคล้องกับหลักการด้านความปลอดภัย → ห้องเครื่องยังคงเป็นพื้นที่ไฟฟ้าแห้ง ปลอดภัยต่ออุปกรณ์
ลด downtime → ตัดความเสี่ยงที่อาจทำให้ลิฟต์ทั้งตึกหยุดการทำงาน
แนวทางออกแบบระบบ All-Air สำหรับห้องเครื่องลิฟต์
วาง AHU/FCU ภายนอกห้อง เช่น บริเวณดาดฟ้า โถงทางเดิน หรือพื้นที่ห้องเครื่อง
เดิน Duct Supply และ Return โดยหุ้มฉนวนป้องกันการควบแน่น
Integration กับ BMS เพื่อให้ระบบอาคารสามารถมอนิเตอร์อุณหภูมิ ความผิดปกติ และมีการแจ้งเตือนทันทีหากเกิดปัญหา
เปรียบเทียบ All-Air กับการติดตั้งแอร์ในห้องเครื่องลิฟต์
หัวข้อ | แอร์ในห้องเครื่องลิฟต์ | All-Air System (อยู่นอกห้อง) |
ความเสี่ยงน้ำรั่ว | สูง (ท่อน้ำทิ้งอุดตัน, น้ำล้นถาด, ปั๊มเสีย) | ไม่มี |
Maintenance | ต้องเข้าห้องเครื่องบ่อย | ดูแลจากภายนอกได้ |
ความเหมาะสมด้านความปลอดภัย | ไม่สอดคล้องหลักการ | สอดคล้อง |
ความชื้นสะสม | สูง | ต่ำ |
ต้นทุนเริ่มต้น | ต่ำ | สูงกว่าเล็กน้อย |
ความคุ้มค่าในระยะยาว | ซ่อมบ่อย / เสี่ยง downtime | มั่นคง ปลอดภัย |
Strong Recommendation
หากอาคารของคุณ มีแอร์อยู่ในห้องเครื่องลิฟต์แล้ว →ขอแนะนำอย่างยิ่ง (Strongly Recommend) ให้รีบย้ายออกไปอยู่นอกห้องทันที
เพราะทุกหยดน้ำคือนาฬิกานับถอยหลังสู่หายนะ
น้ำล้นถาดทิ้ง → ไหลนองพื้น → เข้าสู่อุปกรณ์ไฟฟ้า → เสียหายทั้งระบบ
น้ำไหลลงปล่องลิฟต์ → ทำอุปกรณ์ในปล่องเสียหาย → downtime ยกตึก
การลงทุนในการย้ายออกไปใช้ All-Air System แม้มีต้นทุนในช่วงแรก แต่ช่วยลดความเสี่ยงมหาศาลและคุ้มค่ากว่าแน่นอนเมื่อมองในมุม Life-Cycle Cost
บทเรียนสำหรับผู้จัดการอาคาร
อย่าเลือกทางลัด
การติดตั้งแอร์ในห้องเครื่องอาจดูง่ายและประหยัด แต่คือความเสี่ยงสูงในระยะยาว
คิดแบบ Life-Cycle Cost
ลงทุน All-Air = ลดความเสี่ยงระเบิดเวลา ลดการซ่อม และมั่นคงกว่า
สร้างมาตรฐานการตรวจสอบ
ทุกครั้งที่รับมอบอาคารใหม่ ควรตรวจห้องเครื่องลิฟต์ว่าไม่มีเครื่องแอร์อยู่ในห้องเครื่องลิฟต์
สื่อสารกับเจ้าของอาคาร
ใช้กรณีศึกษาและตัวเลขค่าเสียหายจริง อธิบายให้เจ้าของเห็นว่า ความเสี่ยงนี้ไม่ควรถูกละเลย
สรุป
ห้องเครื่องลิฟต์คือหัวใจของระบบลิฟต์ ต้องเป็นพื้นที่ ปลอดจากน้ำและความชื้น การมีเครื่องแอร์อยู่ในห้องเท่ากับการวาง “ระเบิดเวลา” ไว้กับอาคาร
All-Air System คือคำตอบที่ถูกต้องและยั่งยืน
ไม่มีน้ำ ไม่มีท่อ ไม่มีความเสี่ยง
เหมาะสมตามหลักวิศวกรรม
ปลอดภัยและดูแลง่าย
และสำคัญที่สุด ป้องกันไม่ให้ทั้งอาคารต้องหยุดชะงักจากปัญหาที่ป้องกันได้ตั้งแต่แรก
✍️ บทความนี้คือ “สัญญาณเตือน” สำหรับผู้จัดการอาคารและเจ้าของอาคารทุกคนอย่าปล่อยให้น้ำหยดเพียงไม่กี่หยด กลายเป็นวิกฤติที่ทำให้ทั้งอาคารหยุดทำงาน