🧠 Cognitive Management: เมื่ออาคาร “คิด วิเคราะห์ และตัดสินใจร่วมกับคนได้”
- Chakrapan Pawangkarat
- Oct 23
- 2 min read
จักรพันธ์ ภวังคะรัตน์
Head of Property Management, JLL Thailand
เลขาธิการ สมาคมบริหารทรัพย์สินแห่งประเทศไทย
23 October 2025

🌍 บทนำ: จากอาคารที่ “ตอบสนอง” สู่ “อาคารที่เรียนรู้”
ในยุคที่เทคโนโลยีขับเคลื่อนเมืองและอาคารอย่างรวดเร็ว “ความฉลาด” ของอาคารไม่ได้หมายถึงแค่การเปิดปิดระบบอัตโนมัติอีกต่อไปเรากำลังก้าวเข้าสู่ยุคที่อาคารเริ่ม “คิด” ได้ — รู้ว่ากำลังเกิดอะไร เข้าใจเหตุผล เรียนรู้จากพฤติกรรมของผู้คน และตัดสินใจร่วมกับมนุษย์อย่างมีเหตุผล
จากระบบที่ “ทำตามคำสั่ง” → สู่อาคารที่ “เข้าใจและร่วมตัดสินใจ”
แนวคิดนี้เรียกว่า Cognitive Management — การบริหารอาคารที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาระดับใหม่ของ AI
🧠 Cognitive Management คืออะไร
Cognitive Management คือการใช้ “AI เชิงการรับรู้ (Cognitive AI)” เพื่อให้อาคารสามารถรับรู้ วิเคราะห์ เรียนรู้ และปรับตัวได้ด้วยตัวเองต่างจากระบบ Automation ที่ตั้งค่าไว้ล่วงหน้า Cognitive System จะเรียนรู้จากข้อมูลจริงในแต่ละวัน แล้วพัฒนา “การตัดสินใจ” ให้แม่นยำขึ้นเรื่อย ๆ
พูดให้เข้าใจง่าย — ถ้า Automation คือ “ระบบที่ฟังคำสั่ง” Cognitive Management คือ “เพื่อนร่วมงานที่เข้าใจเรา และคิดร่วมกับเรา”
🔍 1. Perception – อาคารที่รับรู้สภาพแวดล้อมรอบตัว
หัวใจของ Cognitive Management คือ “การรับรู้” ระบบจะรวบรวมข้อมูลจากเซนเซอร์นับพันจุด ทั้งอุณหภูมิ ความชื้น แสง เสียง การเคลื่อนไหว ปริมาณคน และการใช้พลังงานแบบเรียลไทม์
อาคารจึงรู้ว่า ห้องไหนเริ่มร้อน, โซนไหนแสงสว่างเกิน, พื้นที่ใดมีคนอยู่มากกว่าปกติและสามารถเชื่อมโยงสิ่งเหล่านี้เข้ากับรูปแบบการใช้งานจริง เช่น เวลาเข้างาน พฤติกรรมผู้เช่า หรือกิจกรรมประจำวันของอาคาร
อาคารเริ่ม “รู้จักตัวเอง” ในระดับลึกกว่าที่เคย
📊 2. Comprehension – การเข้าใจความเชื่อมโยงของข้อมูล
หลังจากรับรู้แล้ว ระบบจะวิเคราะห์ “ความสัมพันธ์ของข้อมูล”เช่น ทำไมพลังงานถึงสูงในช่วงบ่าย หรือทำไมพื้นที่หนึ่งมีอุณหภูมิไม่คงที่แม้ระบบทำงานปกติ
Cognitive System จะดึงข้อมูลจาก BMS, CMMS, Access Control และ IoT ต่าง ๆ มาประมวลผลร่วมกันมันไม่ได้มองแค่ตัวเลข แต่เข้าใจ “ความสัมพันธ์” — ว่าพฤติกรรมของผู้ใช้ส่งผลต่อพลังงานอย่างไร หรือเหตุใดระบบหนึ่งจึงกระทบอีกระบบหนึ่ง
🧩 3. Reasoning – การให้เหตุผลและคาดการณ์ผลลัพธ์
Cognitive Management ก้าวไกลกว่าการทำนาย เพราะมันสามารถ “ให้เหตุผล” และ “คาดการณ์ผลลัพธ์” ได้ในหลายมิติพร้อมกัน
ตัวอย่างเช่น ถ้าอาคารต้องการลดพลังงาน ระบบจะวิเคราะห์ได้ว่าการปรับอุณหภูมิ Chilled Water ลงเล็กน้อยอาจเพิ่มประสิทธิภาพของ Chiller แต่จะกระทบความสบายของผู้ใช้อย่างไรหรือถ้าเลื่อนงานซ่อม Pump ออกไปหนึ่งสัปดาห์ จะเพิ่มความเสี่ยงต่อ Downtime หรือไม่
ระบบจะสร้างสมดุลระหว่าง “พลังงาน – ความสบาย – ความปลอดภัย”และเสนอทางเลือกให้ผู้จัดการอาคารเลือกแนวทางที่เหมาะสมที่สุด
🔄 4. Learning – ระบบที่ฉลาดขึ้นทุกวัน
Cognitive Management เรียนรู้จากทุกการตัดสินใจที่ผ่านมามันเก็บข้อมูลว่า การปรับแสงในห้องประชุมแบบไหนช่วยให้ผู้ใช้รู้สึกดีขึ้น, การบำรุงรักษาแบบใดช่วยยืดอายุอุปกรณ์, หรือการปรับเวลาเดินเครื่องระบบใดช่วยลดพลังงานโดยไม่กระทบการใช้งาน
ทุกข้อมูลกลายเป็น “บทเรียนของอาคาร” ทำให้ระบบฉลาดขึ้นเรื่อย ๆ และเข้าใจจังหวะเฉพาะของแต่ละอาคาร — เหมือน Building Manager ที่มีประสบการณ์ยาวนานและรู้จักตึกของตัวเองอย่างลึกซึ้ง
🤝 5. Human Collaboration – การตัดสินใจร่วมกับมนุษย์
Cognitive Management ไม่ได้แทนที่มนุษย์ แต่เป็น “คู่คิด” ที่ทำงานร่วมกันผู้จัดการอาคารสามารถสื่อสารกับระบบผ่านเสียงหรือข้อความ เช่น
“วันนี้พลังงานของเราสูงกว่าค่าเฉลี่ยไหม?” “อุปกรณ์ตัวไหนมีแนวโน้มจะเสียก่อนสุด?”
ระบบจะตอบพร้อมวิเคราะห์สาเหตุ เสนอแนวทางแก้ และให้เหตุผลประกอบในบางกรณี ระบบสามารถตัดสินใจเชิงอัตโนมัติ เช่น ปรับการทำงานของ AHU ชั่วคราวเพื่อรักษาความสบาย ขณะรอทีมเทคนิคตรวจสอบจริง
นี่คือจุดที่ “เทคโนโลยี” และ “มนุษย์” เริ่มทำงานร่วมกันในฐานะทีมเดียว
⚙️ ตัวอย่างการใช้งานจริงของ Cognitive Management
ในอาคารยุคใหม่ Cognitive Management แทรกอยู่ในทุกระบบที่เคยต้องพึ่งพาการตัดสินใจของคนเพียงฝ่ายเดียว
ระบบปรับอากาศ (HVAC): AI วิเคราะห์รูปแบบการทำงานของ Chiller และ Cooling Tower เพื่อปรับลำดับการเดินเครื่องให้เหมาะสมที่สุดโดยอัตโนมัติ ระบบเรียนรู้จากสภาพอากาศและภาระโหลดของอาคาร ทำให้ทุกครั้งที่เปิดเครื่อง อาคารทำงาน “ฉลาดกว่าเมื่อวาน”
ระบบแสงสว่าง (Lighting): ระบบเชื่อมข้อมูลจาก Occupancy Sensor และแสงธรรมชาติ เพื่อปรับความสว่างตามพฤติกรรมผู้ใช้งานในแต่ละช่วงเวลา — ห้องที่ไม่มีคน แสงจะค่อย ๆ ลดลงอย่างนุ่มนวลโดยไม่ต้องมีใครสั่ง
ระบบลิฟต์ (Elevator): ระบบเรียนรู้ Pattern การใช้งานในช่วงเวลาเร่งด่วน เพื่อจัดคิวลิฟต์โดยอัตโนมัติ ช่วยลดเวลารอและกระจายการเคลื่อนไหวของคนได้สมดุลขึ้น
ระบบบำรุงรักษา (CMMS): Cognitive CMMS วิเคราะห์ประวัติการซ่อมและพฤติกรรมทีมงาน เพื่อคาดการณ์อุปกรณ์ที่มีแนวโน้มเสียและจัดลำดับคิวงานอัตโนมัติ พร้อมแจ้งเตือนช่างที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
ประสบการณ์ผู้ใช้อาคาร (Tenant Experience): ระบบเรียนรู้พฤติกรรมการใช้พื้นที่ส่วนกลางของผู้เช่า เช่น เวลาที่นิยมใช้ Fitness หรือ Co-working Space เพื่อปรับเวลาเปิดระบบไฟและแอร์ รวมถึงเสนอโปรโมชั่นหรือกิจกรรมที่เหมาะกับพฤติกรรมของผู้ใช้แต่ละกลุ่ม
👨💼 บทบาทใหม่ของ Building Manager
เมื่ออาคารเริ่ม “คิดได้” ผู้จัดการอาคารไม่ใช่แค่ผู้สั่งงานระบบอีกต่อไป แต่คือ “ผู้ออกแบบการตัดสินใจ” ที่ทำงานร่วมกับ AI
จาก Operator → กลายเป็น Orchestrator ที่ประสานระบบให้ทำงานร่วมกัน
จากการเฝ้าระวัง → ไปสู่การใช้ข้อมูลเพื่อวางกลยุทธ์ระยะยาว
จากผู้ควบคุม → เป็นผู้นำการเปลี่ยนผ่านสู่ยุค Intelligent Operations
คำถามของ Building Manager ยุคใหม่จะไม่ใช่ “ระบบทำงานปกติไหม” แต่คือ “วันนี้อาคารของเรากำลังเรียนรู้อะไรจากผู้ใช้ และเราจะใช้บทเรียนนั้นอย่างไรต่อไป”
🌱 บทสรุป: Cognitive Management คือ “การหลอมรวมความคิดของอาคารกับความคิดของคน”
Cognitive Management คือจุดสูงสุดของวิวัฒนาการด้านการบริหารอาคารจาก Reactive → Predictive → Prescriptive → สู่ Cognitive ที่อาคารสามารถเข้าใจโลกของมนุษย์ และช่วยมนุษย์ตัดสินใจเพื่ออนาคตที่ดีกว่า
ในที่สุด อาคารจะไม่เพียงตอบสนองต่อมนุษย์แต่อาคารจะ “เข้าใจมนุษย์” — และร่วมสร้างความยั่งยืนไปพร้อมกับเรา


