top of page

Hyperbaric Oxygen Therapy (HBOT) for Longevity: ความปลอดภัยที่ผู้ใช้บริการต้องรู้ และสิ่งที่ Property Management ต้องไม่มองข้าม

จักรพันธ์ ภวังคะรัตน์

Head of Property Management, JLL Thailand

เลขาธิการ สมาคมบริหารทรัพย์สินแห่งประเทศไทย

21 September 2025


ree

ในยุคที่ผู้คนหันมาใส่ใจ Longevity หรือการมีชีวิตที่ยืนยาวและมีคุณภาพมากขึ้น หนึ่งในเทคโนโลยีที่ถูกพูดถึงบ่อยใน Wellness Center คือ Hyperbaric Oxygen Therapy (HBOT) หลายแห่งนำเสนอว่าเป็นวิธีการฟื้นฟูสุขภาพ เพิ่มพลังงาน กระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ และแม้กระทั่งช่วยชะลอวัย


แต่เบื้องหลังการนอนพักในห้องออกซิเจนแรงดันสูงนั้น ไม่ใช่เรื่องโรแมนติกแบบสปา หากแต่เป็น การบำบัดทางการแพทย์ ที่อยู่ภายใต้สภาพแวดล้อมเสี่ยงสูง (High-Risk Facility) ซึ่งต้องใช้มาตรการความปลอดภัยเข้มงวด ตามมาตรฐานสากลอย่าง NFPA 99: Health Care Facilities Code


HBOT คืออะไร และทำไมคนจึงเชื่อมโยงกับ Longevity?


HBOT คือการให้ออกซิเจนบริสุทธิ์แก่ร่างกายในห้องที่มีแรงดันสูงกว่าปกติ (1.5 – 3.0 ATA) เพื่อเพิ่มการละลายของออกซิเจนในเลือด ทำให้เนื้อเยื่อได้รับออกซิเจนมากขึ้น การบำบัดนี้ถูกนำมาใช้ในกรณีทางการแพทย์ เช่น

  • ผู้ป่วยเบาหวานที่มีแผลหายยาก

  • นักดำน้ำที่มีภาวะ Decompression Sickness

  • ภาวะสมองขาดออกซิเจนเฉียบพลัน


ในโลกของ Wellness & Longevity HBOT ถูกนำเสนอในฐานะเครื่องมือช่วยฟื้นฟูสมอง ลดการอักเสบ และเสริมประสิทธิภาพร่างกาย แต่ความจริงคือ HBOT เป็นการแพทย์ ไม่ใช่สปา


ความเสี่ยงที่ต้องเข้าใจ


HBOT ไม่ได้ปราศจากอันตราย ตรงกันข้าม มันคือระบบที่มีความเสี่ยงสูงด้านอัคคีภัยและความปลอดภัยชีวิต

  1. Oxygen Fire Hazard

    • ออกซิเจนไม่ติดไฟเอง แต่เป็นตัวเร่งที่ทำให้วัสดุแทบทุกชนิดติดไฟง่ายขึ้น

    • วัสดุที่ปกติทนไฟ เช่น ยางซิลิโคน หรือผ้าที่กันไฟ อาจติดไฟได้ในสภาวะ O₂ เข้มข้นและแรงดันสูง

  2. Evacuation Challenge

    • ผู้ที่อยู่ในห้องไม่สามารถออกมาได้ทันที ต้องผ่านกระบวนการลดแรงดัน (decompression)

    • Class A chamber (หลายคน) → ต้องลดแรงดันใน ≤ 6 นาที

    • Class B chamber (1 คน) → ≤ 2 นาที

  3. เหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้น

    • Michigan, USA (2025): เด็กชาย 5 ขวบเสียชีวิตจากการระเบิดใน HBOT เนื่องจากละเลยมาตรการความปลอดภัย

    • Arizona, USA (2025): นักกายภาพบำบัดเสียชีวิตจาก “flash fire” ภายใน HBOT chamber ของคลินิก

    • Milan, Italy (1997): ไฟไหม้ HBOT ในโรงพยาบาล คร่าชีวิตทั้งผู้ป่วยและบุคลากร


ผู้ใช้บริการควรถามอะไร ก่อนเข้า Wellness Center ที่มี HBOT?


แม้คุณจะเข้าใช้บริการเพื่อตามหาความอ่อนเยาว์หรือสุขภาพที่ยืนยาว แต่ความปลอดภัยต้องมาก่อนเสมอ คำถามที่ควรถามคือ:

  • ห้องนี้ได้มาตรฐาน NFPA 99 หรือการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุขหรือไม่?

  • มีแพทย์และเจ้าหน้าที่ที่ผ่านการอบรมด้าน Hyperbaric Safety หรือไม่?

  • มีระบบดับเพลิงและ intercom สื่อสารฉุกเฉินใช้งานได้จริงหรือไม่?

  • ผู้ใช้บริการได้รับการคัดกรองโรคต้องห้าม เช่น ปอดรั่ว หรือโรคหัวใจหรือไม่?

  • มี SOP ชัดเจนเกี่ยวกับสิ่งที่นำเข้าไปได้ เช่น เสื้อผ้า อุปกรณ์ หรือเครื่องสำอางหรือไม่?


สิทธิของคุณในฐานะผู้ใช้บริการคือการถาม และเลือกสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุด


Property Management ต้องทำอะไร?


การที่ Wellness Center ติดตั้ง HBOT อยู่ภายในอาคาร หมายความว่า Property Manager ต้องรับผิดชอบด้านความปลอดภัยในระดับสูงขึ้นกว่าปกติ

  • Due Diligence: ตรวจสอบใบอนุญาตและมาตรฐานของ HBOT ก่อนอนุญาตให้เปิดบริการ

  • Fire Protection Integration: ผนวก HBOT เข้าไปใน Fire Safety Plan ของอาคาร รวมถึงระบบดับเพลิง Water Mist หรือ Clean Agent และ O₂ sensor ตรวจวัดระดับออกซิเจน

  • Training & Drill: จัดซ้อมแผนฉุกเฉินร่วมกับผู้เช่า Wellness Center อย่างสม่ำเสมอ

  • Communication: แจ้งหน่วยงานภายนอก เช่น หน่วยดับเพลิง ให้ทราบว่ามี HBOT ในอาคารเพื่อเตรียมพร้อมตอบสนองเหตุฉุกเฉิน

  • Insurance Requirement: กำหนดให้ผู้เช่าซื้อประกันความเสี่ยงพิเศษ (High-Risk Facility Insurance) เพื่อปกป้องทั้งอาคารและผู้ใช้บริการ


สรุป


Hyperbaric Oxygen Therapy อาจเป็นก้าวหนึ่งของศาสตร์ด้าน Longevity แต่ความปลอดภัยคือสิ่งที่ต้องยืนเหนือการตลาดเสมอ


สำหรับผู้ใช้บริการ → จงถาม ตรวจสอบ และเลือกอย่างมีสติสำหรับ Property Manager → จงบริหารจัดการความเสี่ยงด้วยมาตรฐานสากล และไม่ปล่อยให้ HBOT กลายเป็น “ระเบิดเวลา” ในอาคารที่คุณดูแล


HBOT จะเป็น “เครื่องมือเพื่อสุขภาพ” หรือ “ความเสี่ยงร้ายแรง” ขึ้นอยู่กับการจัดการด้านความปลอดภัยของสถานที่นั้น

Chakrapan Pawangkarat

  • TikTok
  • Facebook
  • LinkedIn
  • Instagram
  • Youtube
bottom of page