Safety Doesn’t Happen by Chance: ความปลอดภัยในงานบริหารอาคาร
- Chakrapan Pawangkarat
- Aug 22
- 2 min read
จักรพันธ์ ภวังคะรัตน์
Head of Property Management, JLL Thailand
เลขาธิการ สมาคมบริหารทรัพย์สินแห่งประเทศไทย
22 August 2025

บทนำ
กรุงเทพฯ เมืองหลวงที่เต็มไปด้วยอาคารสูง ห้างสรรพสินค้า คอนโดมิเนียม และโครงการมิกซ์ยูสระดับโลก กำลังเติบโตขึ้นทุกปี ความหนาแน่นของผู้คนและระบบสาธารณูปโภคที่ซับซ้อนทำให้งาน Property Management ไม่ใช่เพียงการดูแลอาคารให้น่าอยู่หรือสวยงาม แต่ยังหมายถึงการ สร้างความปลอดภัยในทุกวัน
คำว่า “Safety doesn’t happen by chance” จึงไม่ใช่แค่สโลแกน แต่เป็นหลักคิดที่ผู้จัดการอาคารทุกคนต้องนำมาใช้จริง เพราะ “ความปลอดภัย” ไม่ได้เกิดขึ้นเองโดยบังเอิญ แต่เกิดจากการวางระบบ การตรวจสอบ และการทำงานร่วมกันอย่างมีวินัย
1. ความเป็นจริงของกรุงเทพฯ: เมืองแห่งตึกสูงและความเสี่ยง
กรุงเทพฯ มีจำนวนตึกสูงติดอันดับโลก พื้นที่ออฟฟิศให้เช่ามีมากกว่าสิบล้านตารางเมตร และคอนโดมิเนียมนับแสนยูนิต แต่ละอาคารเป็นเหมือน “เมืองย่อย” ที่มีระบบไฟฟ้า ประปา แอร์ ลิฟต์ และระบบดับเพลิงขนาดใหญ่ การละเลยเพียงเล็กน้อยอาจนำไปสู่อุบัติเหตุรุนแรงได้ทันที เช่น
ไฟไหม้ในคอนโดฯ จากการใช้ปลั๊กพ่วงเกินกำลัง
น้ำท่วมในห้องเครื่อง จากฝนตกหนักแต่ปั๊มระบายน้ำเสีย
ลิฟต์ขัดข้อง เพราะขาดการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน
คุณภาพอากาศภายในอาคาร (IAQ) ที่แย่ลง ส่งผลต่อสุขภาพผู้อยู่อาศัย
ทั้งหมดนี้สะท้อนว่าในกรุงเทพฯ ความเสี่ยงรอบตัวไม่สามารถปล่อยให้ “โชค” หรือ “ดวง” ตัดสิน แต่ต้องจัดการอย่างเป็นระบบ
2. มิติทางกฎหมายและมาตรฐาน
งานบริหารอาคารในกรุงเทพฯ ถูกกำกับด้วยกฎหมายและมาตรฐานหลายระดับ:
พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร: กำหนดการตรวจสอบระบบความปลอดภัยในอาคารสูงและอาคารขนาดใหญ่พิเศษ
พระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน: ครอบคลุมความปลอดภัยของพนักงานและผู้รับเหมา
มาตรฐานสากล: โดยเฉพาะอาคารที่รองรับผู้เช่าระดับนานาชาติหรือมีการประกันภัยต่างประเทศ
การปฏิบัติให้ครบตามกฎหมายถือเป็น “ขั้นต่ำ” เท่านั้น แต่ในความเป็นจริง ผู้จัดการอาคารต้องไปไกลกว่านั้นเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและลดความเสี่ยงเชิงธุรกิจ
3. ความเสี่ยงหลักในงาน Property Management กรุงเทพฯ
🔥 ไฟและการอพยพ
ไฟไหม้ยังคงเป็นความเสี่ยงอันดับหนึ่งของอาคารสูงในกรุงเทพฯ ทั้งจากสายไฟเสื่อมสภาพ การก่อสร้างต่อเติมโดยไม่ได้มาตรฐาน หรือการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าเกินกำลัง
💧 น้ำท่วมและความเสียหายจากน้ำ
ฝนตกหนักบวกกับระบบระบายน้ำที่อาจอุดตัน นำไปสู่ปัญหาน้ำเข้าห้อง MDB หรือ Flooding Basement ที่สร้างความเสียหายมหาศาล
🛗 ความปลอดภัยของลิฟต์และบันไดเลื่อน
อาคารในกรุงเทพฯ ใช้ลิฟต์วันละนับหมื่นเที่ยว ความบกพร่องเล็กน้อย เช่น Sensor ประตูไม่ทำงาน อาจนำไปสู่อุบัติเหตุรุนแรง
🌫 คุณภาพอากาศและสุขภาพผู้ใช้อาคาร
กรุงเทพฯ เผชิญ PM2.5 ต่อเนื่อง ระบบ HVAC ที่ไม่ได้บำรุงรักษาอาจเพิ่มความเสี่ยงสุขภาพ
👷♂️ งานผู้รับเหมาและการซ่อมบำรุง
อุบัติเหตุจำนวนมากในอาคารมักมาจากงานก่อสร้างหรือซ่อม เช่น การทำ Hot Work โดยไม่มี Work Permit หรือการทำงานบนที่สูงโดยไม่ใช้ Fall Protection
4. จาก “ความบังเอิญ” สู่ “ระบบ”
ความปลอดภัยไม่ใช่เรื่องของดวง แต่คือ ระบบที่ออกแบบไว้ล่วงหน้า:
SOP และ Work Instruction: มีขั้นตอนชัดเจนสำหรับงานเสี่ยงสูง เช่น Hot Work, Confined Space, Electrical Lock-out Tag-out
Preventive Maintenance: ไม่ใช่รอเสีย แต่ตรวจเช็กตามรอบที่อ้างอิงจากมาตรฐานสากล
Inspection & Audit: ตรวจหน้างานทุกวัน ตรวจเช็กระบบรายเดือน และ Audit รายปีจากหน่วยงานภายนอก
Training & Drills: ซ้อมอพยพ ซ้อมดับเพลิง การช่วยเหลือผู้ติดลิฟต์ ต้องทำจริง ไม่ใช่แค่ “ผ่านตามกฎหมาย”
Incident Reporting: เก็บข้อมูล Near-Miss ทุกกรณี เพื่อเรียนรู้และป้องกันการเกิดซ้ำ
5. กรณีศึกษา: บทเรียนจากเหตุการณ์จริง
ในกรุงเทพฯ มีหลายกรณีที่สะท้อนชัดเจนว่า “ความประมาทเพียงเล็กน้อย” ส่งผลใหญ่หลวง:
อาคารสูงย่านสุขุมวิท น้ำรั่วจากห้องเครื่องชั้นดาดฟ้า ทำให้ลิฟต์ 6 ตัวเสียหายพร้อมกัน สูญเสียค่าใช้จ่ายกว่า 10 ล้านบาท
ศูนย์การค้าแห่งหนึ่ง ไฟไหม้ร้านอาหารจากระบบดูดควันไม่ได้บำรุงรักษา ต้องปิดพื้นที่เป็นเดือน กระทบรายได้ผู้เช่าและชื่อเสียงโครงการ
คอนโดฯ ย่านรัชดา ผู้รับเหมาซ่อมไฟฟ้าไม่ได้ใช้ Lock-out Tag-out ทำให้เกิดไฟช็อตบาดเจ็บสาหัส
ทุกเหตุการณ์เหล่านี้ชี้ชัดว่า ความปลอดภัยที่ไม่ถูกจัดการ = ความเสียหายทั้งชีวิตและธุรกิจ
6. มูลค่าทางธุรกิจของ “Safety First”
การลงทุนด้านความปลอดภัยไม่ใช่ต้นทุนจม แต่คือ ตัวสร้างมูลค่า:
สร้างความมั่นใจให้ผู้เช่า: MNCs, Embassies และธุรกิจระดับโลกเลือกอาคารที่มีระบบความปลอดภัยแข็งแรง
ปกป้องมูลค่าอสังหาฯ: เหตุการณ์อุบัติเหตุทำให้ค่าเช่าและราคาทรัพย์สินตกลงทันที
ลดค่าใช้จ่ายประกัน: บริษัทประกันลดเบี้ยประกันให้กับอาคารที่มีระบบจัดการความปลอดภัยเป็นเลิศ
เสริมภาพลักษณ์ผู้จัดการอาคาร: จาก “ผู้ดูแล” ไปสู่ “ผู้สร้างความมั่นใจและมูลค่า”
7. บทบาทของผู้นำใน Property Management
ท้ายที่สุด ระบบความปลอดภัยจะมีพลังได้ ต้องอาศัย ผู้นำที่เชื่อมั่นและผลักดัน:
สร้างวัฒนธรรม “Safety First” ในทีม
ทำให้ผู้เช่าเห็นว่า Safety คือ Priority ของอาคาร
ใช้เทคโนโลยีสนับสนุน เช่น BMS, IoT Sensor, AI AFDD เพื่อป้องกันก่อนเกิดเหตุ
สื่อสารความปลอดภัยเชิงรุกกับทั้งพนักงานและผู้เช่า
สรุป
ในงานบริหารอาคารของกรุงเทพฯ ความปลอดภัยไม่ใช่เรื่องฟลุ๊ก แต่เป็นผลลัพธ์จาก การวางแผน การตรวจสอบ และความเป็นผู้นำ ทุกเหตุการณ์ที่ผ่านมาในเมืองนี้ได้พิสูจน์แล้วว่า “ความปลอดภัยไม่เกิดขึ้นเอง”
Safety doesn’t happen by chance — it happens because Property Managers in Bangkok make it happen.


