การบริหารอาคารกับการใช้ลิฟต์อย่างปลอดภัย
- Chakrapan Pawangkarat
- Jul 18
- 1 min read
จักรพันธ์ ภวังคะรัตน์
Head of Property and Asset Management, JLL Thailand
อดีต ประธานสาขาเครื่องกล วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยฯ (วสท.)
18 July 2025

บทนำ: ลิฟต์ – ความสะดวกที่มาพร้อมความรับผิดชอบ
ในทุกวันที่ผู้คนหลายหมื่นคนเดินเข้า-ออกอาคารสูง ลิฟต์คือส่วนสำคัญที่ทำหน้าที่พาผู้ใช้อาคารเคลื่อนที่ในแนวดิ่งอย่างรวดเร็วและปลอดภัย แต่เบื้องหลังความสะดวกนั้น มีระบบที่ซับซ้อน และ "ความเสี่ยง" ที่ไม่ควรถูกมองข้าม ความล้มเหลวของระบบลิฟต์อาจนำไปสู่ความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน
ดังนั้น บทบาทของ “ผู้บริหารอาคาร” จึงไม่ใช่เพียงการดูแลพื้นที่ใช้สอย แต่รวมถึง “การรับผิดชอบต่อความปลอดภัยของชีวิตคนจำนวนมากที่ใช้ลิฟต์ในทุกวัน”
🧭 หน้าที่ของผู้บริหารอาคาร: “Duty of Care” ที่ต้องตระหนัก
แนวคิด “Duty of Care” หรือหน้าที่ในการดูแลชีวิตและความปลอดภัยของผู้อื่น เป็นหลักพื้นฐานของการบริหารอาคาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมี “ระบบลิฟต์” ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของผู้อยู่อาศัยหรือผู้มาใช้งานอาคารโดยตรง
🔹 1. สื่อสารกับเจ้าของอาคารเรื่องงบประมาณความปลอดภัย
ลิฟต์ไม่ใช่ระบบที่สามารถ “ประหยัด” ได้ในระยะยาว หากขาดการดูแล การสึกหรอจะคืบคลานทีละน้อยจนวันหนึ่งอาจกลายเป็นอุบัติเหตุ
เสนอจัดงบประมาณประจำปีสำหรับ Preventive Maintenance (PM)
จัดทำแผนเปลี่ยนอะไหล่ตามอายุการใช้งาน เช่น สายสลิง, Brake pad, Safety switch
ประเมินงบล่วงหน้าสำหรับการ “Modernization” เมื่อระบบเก่าเกินไป
🔹 2. คัดเลือกบริษัทซ่อมบำรุงที่มีใบอนุญาต และประสบการณ์สูง
เลือกบริษัทที่ได้รับการรับรองจากผู้ผลิต (OEM-certified)
ตรวจสอบใบอนุญาตและประวัติความปลอดภัยย้อนหลัง
มีระบบ Service Report ที่โปร่งใส และเข้าถึงได้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
🔹 3. วางแผนเปลี่ยนสายสลิงล่วงหน้า
สายสลิงมีอายุการใช้งานเฉลี่ย 5-10 ปี ขึ้นกับรอบใช้งานและภาระน้ำหนัก หากปล่อยให้เสื่อมสภาพอาจขาดได้แม้ยังมีลวดด้านนอกดูดี
📌 แนวทางที่ดี: ทำ Rope Diagnostic ทุกปี และบันทึกค่าความสึกหรออย่างเป็นระบบ
🔹 4. ควบคุมความปลอดภัยขณะซ่อมบำรุง
อุบัติเหตุหลายกรณีเกิดขึ้นตอนซ่อม เช่น:
ลิฟต์เลื่อนขณะมีคนอยู่ในปล่อง
ประตูถูกเปิดโดยไม่มีการตัดไฟ
แนวทางที่ควรมี:
Lock-out/Tag-out (LOTO) ที่ห้องเครื่องก่อนทุกงานซ่อม
ติดป้าย “ห้ามใช้งาน” ที่โถงลิฟต์
มีพนักงานอาคารควบคุมพื้นที่
🔹 5. ซ้อมแผนช่วยผู้ติดลิฟต์ และฝึกอาคารรับมือเหตุฉุกเฉิน
ผู้ใช้อาคารมักมีความตื่นตระหนกหากลิฟต์ค้าง ซึ่งอาจกระทบต่อสุขภาพทั้งทางร่างกายและจิตใจ
ข้อควรปฏิบัติ:
แจ้ง Call Center ของบริษัทลิฟต์ทันที อย่าโทรหาช่างที่เป็นบุคคล
ห้ามเปิดประตูด้วยตนเองโดยเด็ดขาด
ตัดไฟที่ห้องเครื่องก่อนช่วยเหลือเท่านั้น
สื่อสารผ่าน Intercom กับผู้ติดอยู่ในลิฟต์อย่างต่อเนื่อง
บันทึกรายชื่อผู้ติดลิฟต์ทุกครั้ง
🔹 6. ให้ความรู้แก่ผู้ใช้อาคารเกี่ยวกับพฤติกรรมปลอดภัย
จัดทำโปสเตอร์หรือคลิปสั้นอธิบายว่า:
เมื่อลิฟต์ค้าง ให้กด Intercom และรอทีมช่วยเหลือ
ห้ามกระโดดหรือปีนออกจากลิฟต์ หากพื้นไม่ตรงชั้น
ห้ามใช้ลิฟต์ในกรณีเกิดเพลิงไหม้หรือแผ่นดินไหว


🔹 7. จัดทำและเก็บประวัติลิฟต์อย่างละเอียด
ควรมีข้อมูลต่อไปนี้พร้อมส่งตรวจเมื่อจำเป็น:
รายงานการตรวจสอบรายเดือน
ประวัติการเปลี่ยนอะไหล่
Log การซ่อมฉุกเฉิน
แผนผังไฟฟ้าและคู่มือการใช้งาน
📌 กรณีศึกษาและบทเรียน: ลิฟต์ค้าง = เสี่ยงเสียชีวิต
หลายกรณีในอดีตพบว่าผู้ใช้พยายาม "กระโดดออกจากลิฟต์" เมื่อเกิดค้าง แล้วพื้นไม่ตรงชั้นผลคือ...พลัดตกลงปล่องลิฟต์ เสียชีวิตทันที
การบริหารที่ดีต้องไม่ให้เกิด "นาทีอันตราย" แบบนี้ โดยการเตรียมระบบ ความรู้ การสื่อสาร และอุปกรณ์ให้พร้อมตลอดเวลา
บทส่งท้าย: ลิฟต์ที่ปลอดภัย เริ่มต้นจากจิตสำนึกของผู้บริหารอาคาร
“ผู้ใช้ลิฟต์ไม่มีทางรู้เลยว่าอะไรอยู่เบื้องหลังประตูเหล็กนั้นแต่ผู้บริหารอาคารรู้ และมีหน้าที่รับผิดชอบเต็มที่ต่อทุกชีวิตที่กดปุ่มขึ้น-ลงในแต่ละวัน”
ในฐานะมืออาชีพในวงการอาคาร เราไม่ควรมองข้ามบทบาทของเราในฐานะ “ผู้เฝ้าระวังชีวิต”ถึงเวลาแล้วหรือยัง... ที่เราจะยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของลิฟต์ในประเทศไทยอย่างจริงจัง


