Green Building Management EP.1 : อาคารเขียว ไม่ใช่ค่าใช้จ่าย แต่คือกลยุทธ์เพิ่มมูลค่าทรัพย์สิน
- Chakrapan Pawangkarat
- 6 days ago
- 1 min read
จักรพันธ์ ภวังคะรัตน์
Head of Property and Asset Management, JLL Thailand
เลขาธิการ สมาคมบริหารทรัพย์สินแห่งประเทศไทย
11 May 2025

ในวันที่ผู้เช่าคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมมากกว่าแค่ “ทำเล” และนักลงทุนต้องการข้อมูลด้าน ESG ก่อนตัดสินใจ “อาคารเขียว” จึงไม่ใช่ภาพลักษณ์อีกต่อไป แต่กลายเป็น เครื่องมือเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจอย่างเป็นรูปธรรม
เพราะเหตุใด “การรับรองอาคารเขียว” จึงสำคัญในวันนี้?
ดึงดูดผู้เช่าระดับคุณภาพ
กลุ่มบริษัทข้ามชาติ (MNC) และบริษัทที่มีเป้าหมาย Net Zero จะเลือกอาคารที่มีใบรับรองอาคารเขียวเป็นเกณฑ์สำคัญ
อาคารที่ได้รับ LEED / TREES มักมีค่าเช่าสูงกว่าอาคารทั่วไป 5–20%
ลดต้นทุนการดำเนินงานอย่างชัดเจน
อาคารเขียวที่มีการจัดการพลังงาน น้ำ และของเสียอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถลดต้นทุนรวมได้ 10–30%
การใช้ระบบ Building Management System (BMS) และ Smart Meter ช่วยบริหารเชิงข้อมูล ลดความสูญเสีย
เพิ่มมูลค่าทรัพย์สินและโอกาสการขายต่อ
นักลงทุนสถาบันในปัจจุบันใช้ข้อมูล ESG และ Carbon Emissions เป็นปัจจัยหลักในการประเมินมูลค่า
การมีใบรับรอง LEED / TREES เป็นตัวชี้วัดที่เชื่อถือได้ว่าอาคารมีคุณภาพในระยะยาว
ลดความเสี่ยงจากกฎระเบียบในอนาคต
แนวโน้มของรัฐและตลาดทุนกำลังเคลื่อนไปสู่ “การเปิดเผยข้อมูลคาร์บอน” และ “มาตรฐานการอนุรักษ์พลังงาน” ที่เข้มข้นขึ้น
อาคารที่ได้รับการรับรองจะอยู่เหนือกฎ ไม่ต้องรีบปรับตัวในภาวะกดดัน
เสริมภาพลักษณ์องค์กร และความภาคภูมิใจของผู้ใช้อาคาร
ผู้เช่าและพนักงานมีความรู้สึกดีต่อองค์กรที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ส่งผลต่อความผูกพันและประสิทธิภาพการทำงาน
ส่งเสริม ESG Communication ทั้งภายในและภายนอกองค์กร
บริหารอาคารเขียวได้ผลจริง ต้องเริ่มที่ “การรับรอง”
การวางเป้าหมายรับรอง LEED หรือ TREES ไม่ใช่แค่เรื่องเทคนิค แต่คือการตั้งธงบริหารเชิงกลยุทธ์และทีม Property Management จะสามารถวางระบบ ปรับการดำเนินงาน และบริหารต้นทุนได้อย่างมีทิศทางชัดเจน
ในบริบทของกรุงเทพฯ ที่กำลังเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว
ใครปรับตัวก่อน = ได้เปรียบ
ใครรอ = ต้นทุนเพิ่ม
หากวันนี้เรายังไม่เริ่มขอการรับรองอาคารเขียว อีกไม่กี่ปีข้างหน้า เราอาจต้องลงทุนมากกว่าเดิมหลายเท่าเพียงเพื่อ “วิ่งตามตลาด”
Comentarios