top of page

การเรียกร้องค่าสินไหมแผ่นดินไหว ด้วยหลักสุจริตใจอย่างยิ่ง และบทบาทของวิศวกรวิชาชีพ

Updated: Apr 7

จักรพันธ์ ภวังคะรัตน์

Head of Property and Asset Management, JLL Thailand

ที่ปรึกษาคณะกรรมการสาขาเครื่องกล วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย (วสท.)

6 April 2025



หลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่ผ่านมา หลายครอบครัวและเจ้าของอาคารในประเทศไทยได้รับความเสียหายต่อที่อยู่อาศัย ระบบภายใน และโครงสร้างอาคาร การเรียกร้องค่าสินไหมจากบริษัทประกันภัยจึงเป็นขั้นตอนสำคัญในการฟื้นฟูชีวิตและทรัพย์สิน แต่เพื่อให้ได้รับความเป็นธรรมและหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง การดำเนินการควรเป็นไปตามหลัก “สุจริตใจอย่างยิ่ง” และควรมีผู้เชี่ยวชาญเข้ามาช่วยประเมิน โดยเฉพาะ วิศวกรวิชาชีพ จากหลากหลายสาขา


"สุจริตใจอย่างยิ่ง" (Utmost Good Faith) คือข้อบังคับตามกฎหมายที่ทั้ง ผู้เอาประกันภัย และ บริษัทประกันภัย ต้อง:

  • เปิดเผยข้อมูลอย่างตรงไปตรงมา

  • ไม่ปกปิดข้อเท็จจริงที่สำคัญ

  • ดำเนินการด้วยความเป็นธรรม

  • ไม่แสวงหาผลประโยชน์โดยไม่ชอบธรรม


ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 865 หากผู้เอาประกันให้ข้อมูลเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริง บริษัทประกันมีสิทธิบอกล้างกรมธรรม์ได้ อย่างไรก็ตาม หากบริษัทประกันล่าช้า ไม่ชี้แจง หรือปฏิบัติอย่างไม่ยุติธรรม ผู้เอาประกันก็สามารถร้องเรียนและขอความเป็นธรรมจาก สำนักงาน คปภ. ได้เช่นกัน


ประชาชนควรทำอย่างไรหลังเกิดแผ่นดินไหว?

1. แจ้งบริษัทประกันทันที

  • โทรแจ้งเหตุและขอเลขที่รับแจ้ง

  • บันทึกชื่อเจ้าหน้าที่ และวันเวลา

2. เก็บหลักฐานความเสียหายให้ครบถ้วน

  • ถ่ายภาพและวิดีโอบริเวณที่ได้รับผลกระทบ

  • จดบันทึกรายการทรัพย์สินที่เสียหาย

  • เก็บใบเสร็จค่าใช้จ่ายเบื้องต้น เช่น ค่าซ่อมฉุกเฉิน

3. ขอความเห็นจากวิศวกรวิชาชีพ

ในการประเมินความเสียหาย โดยเฉพาะอาคารและระบบงานวิศวกรรม ควรมี วิศวกรที่ได้รับใบอนุญาต เข้าไปตรวจสอบอย่างเป็นกลาง เพื่อเสริมความน่าเชื่อถือของการเรียกร้องค่าสินไหม


บทบาทของวิศวกรในกระบวนการเคลมประกันภัยแผ่นดินไหว

1. วิศวกรโครงสร้าง/โยธา

  • ตรวจสอบรอยร้าว เสา พื้น ฐานราก ว่าเป็นรอยร้าวทั่วไปหรือโครงสร้างเสียหาย

  • ประเมินความปลอดภัยของอาคาร

  • จัดทำรายงานทางเทคนิคเพื่อแนบในการเคลม

2. วิศวกรเครื่องกล (ระบบปรับอากาศ ลิฟต์ เครื่องสูบน้ำ ฯลฯ)

  • ตรวจสอบความเสียหายของเครื่องจักร ระบบท่อ และอุปกรณ์ทางกล

  • ประเมินความเสียหายจากการสั่นสะเทือน หรือโครงสร้างพังถล่ม

  • แนะนำแนวทางการซ่อมแซมหรือหยุดใช้งานเพื่อความปลอดภัย

3. วิศวกรไฟฟ้า

  • ตรวจสอบแผงไฟ สายไฟ ระบบสำรองไฟ ว่ามีความเสียหายหรืออันตรายหรือไม่

  • ประเมินความเสี่ยงไฟฟ้ารั่วหรือไฟไหม้

  • แนะนำการตัดระบบหรือการเดินระบบใหม่

4. วิศวกรสุขาภิบาล/สิ่งแวดล้อม

  • ตรวจสอบระบบน้ำทิ้ง น้ำใช้ และท่อสุขาภิบาล

  • ป้องกันปัญหาน้ำรั่ว ท่อแตก หรือระบบอุดตัน

  • ประเมินความเสียหายที่อาจเกิดจากการทรุดตัว

5. วิศวกรความปลอดภัยด้านอัคคีภัย

  • ตรวจสอบระบบฉีดน้ำดับเพลิง สัญญาณเตือนเพลิงไหม้ และไฟฉุกเฉิน

  • ประเมินว่าอุปกรณ์เหล่านี้ยังทำงานได้หรือเสียหาย

  • ให้คำแนะนำเพื่อความปลอดภัยในระหว่างรอการซ่อมแซม


บริษัทประกันควรปฏิบัติตามหลักสุจริตใจอย่างยิ่งอย่างไร?


บริษัทประกันมีหน้าที่:

  • ชี้แจงขอบเขตความคุ้มครองอย่างโปร่งใส

  • ส่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบความเสียหายโดยเร็ว

  • ออกหนังสือรับรองหรือปฏิเสธการเคลมด้วยเหตุผลชัดเจน

  • ไม่ประวิงเวลา ไม่ใช้ข้ออ้างเกินจริง


หากบริษัทไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ ท่านสามารถร้องเรียนต่อ สำนักงาน คปภ. โทร. 1186 หรือเว็บไซต์ www.oic.or.th


หากเกิดข้อพิพาท ควรดำเนินการอย่างไร?

  1. ขอหนังสือปฏิเสธเคลมเป็นลายลักษณ์อักษร

  2. รวบรวมหลักฐานทางวิศวกรรมและภาพถ่ายความเสียหาย

  3. ปรึกษานักประกันภัยอิสระและวิศวกรอิสระ

  4. ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ คปภ. หรือขอเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย

  5. หากจำเป็น สามารถดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมแนบรายงานวิศวกร


บทสรุป: สุจริตใจอย่างยิ่ง + วิศวกรรม = การเยียวยาที่เป็นธรรม


การเรียกร้องค่าสินไหมไม่ควรเป็นความขัดแย้ง หากทุกฝ่ายดำเนินการด้วย ความสุจริตใจ โปร่งใส และความรู้เชิงวิศวกรรม เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ตรวจสอบได้ ฟื้นฟูทรัพย์สินได้อย่างปลอดภัย และสร้างความเป็นธรรมให้กับทุกฝ่าย



Acknowledgement:

"This article was generated with the assistance of ChatGPT, an AI tool, and subsequently reviewed and edited by the author."

Comentarios


Chakrapan Pawangkarat

  • Facebook
  • LinkedIn
  • Instagram
bottom of page