top of page

การใช้ระบบจดจำใบหน้าสำหรับควบคุมการเข้าออกที่พักอาศัย: ป้องกันการปล่อยเช่าระยะสั้น

Updated: Mar 26

จักรพันธ์ ภวังคะรัตน์

กรรมการและเลขาธิการ สมาคมบริหารทรัพย์สินแห่งประเทศไทย

Head of Property and Asset Management, JLL Thailand

23 March 2025



บทนำ


ปัญหาการปล่อยเช่าระยะสั้นเป็นหนึ่งในความท้าทายที่ผู้จัดการอาคารที่พักอาศัยต้องเผชิญ เช่น การละเมิดสัญญาเช่า ปัญหาด้านความปลอดภัย และการเพิ่มภาระด้านการบำรุงรักษา ผู้พักอาศัยที่นำยูนิตของตนไปปล่อยเช่าผ่านแพลตฟอร์ม เช่น Airbnb หรือ Vrbo อาจทำให้มีบุคคลภายนอกเข้ามาภายในโครงการโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผู้อยู่อาศัยคนอื่น ๆ


ระบบ ควบคุมการเข้าออกด้วยการจดจำใบหน้า เป็นทางออกที่มีประสิทธิภาพในการ ป้องกันการเข้าถึงของบุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาต ทำให้มั่นใจได้ว่ามีเพียงผู้พักอาศัยที่ลงทะเบียนและแขกที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นที่สามารถเข้าอาคารได้ อย่างไรก็ตาม การนำเทคโนโลยีนี้มาใช้ต้องคำนึงถึง กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) เพื่อปกป้องสิทธิของผู้พักอาศัยและให้เป็นไปตามระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง


ระบบควบคุมการเข้าออกด้วยการจดจำใบหน้าทำงานอย่างไร


ระบบนี้ใช้ กล้องอัจฉริยะที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อสแกนและยืนยันตัวตนของบุคคลก่อนอนุญาตให้เข้าอาคาร โดยมีขั้นตอนหลักดังนี้

  1. การลงทะเบียนผู้พักอาศัย: ผู้อยู่อาศัยต้องสมัครใช้งานระบบโดยบันทึกข้อมูลใบหน้าของตนในฐานข้อมูล

  2. การยืนยันตัวตนแบบเรียลไทม์: เมื่อบุคคลเดินมาถึงจุดเข้า ระบบจะเปรียบเทียบใบหน้ากับฐานข้อมูลที่บันทึกไว้

  3. การอนุญาตหรือปฏิเสธการเข้าออก: หากข้อมูลตรงกัน ระบบจะอนุญาตให้เข้า หากไม่ตรง ระบบอาจปฏิเสธการเข้าถึงและแจ้งเตือนไปยังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย

  4. การลงทะเบียนแขกผู้มาเยือน: แขกที่ได้รับอนุญาตสามารถลงทะเบียนล่วงหน้าได้ ทำให้มั่นใจได้ว่ามีเพียงผู้ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นที่สามารถเข้ามาได้


เนื่องจากระบบนี้ไม่ใช้กุญแจ บัตร หรือรหัสผ่านที่สามารถแชร์หรือถูกขโมยได้ จึงช่วยลดความเสี่ยงในการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาตได้อย่างมีประสิทธิภาพ


การป้องกันการปล่อยเช่าระยะสั้นด้วยระบบจดจำใบหน้า


1. จำกัดการเข้าถึงของแขกที่ไม่ได้รับอนุญาต
  • ระบบจดจำใบหน้ากำหนดให้บุคคลต้องแสดงตัวต่อหน้าอุปกรณ์เพื่อเข้าผ่านประตู ทำให้ไม่สามารถแชร์กุญแจหรือรหัสผ่านให้บุคคลภายนอกได้

  • ผู้พักอาศัยไม่สามารถมอบสิทธิ์การเข้าถึงให้กับแขกที่เช่าพักระยะสั้นได้

2. บันทึกประวัติการเข้าออก
  • ระบบสามารถ บันทึกการเข้าออกของทุกคน ได้อย่างแม่นยำ

  • สามารถตรวจสอบพฤติกรรมที่ผิดปกติ เช่น การที่ยูนิตหนึ่งมีผู้เข้าออกที่แตกต่างกันจำนวนมาก ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของการปล่อยเช่าระยะสั้น

3. ควบคุมให้เป็นไปตามสัญญาเช่า
  • ระบบช่วยให้มั่นใจได้ว่า เฉพาะผู้พักอาศัยที่ลงทะเบียนเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงพื้นที่ส่วนกลางได้

  • หากพบว่ามีบุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาตพยายามเข้าอาคารหลายครั้ง ฝ่ายจัดการสามารถตรวจสอบและดำเนินการได้ทันที

4. เพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้อยู่อาศัย
  • ลดความเสี่ยงจาก กุญแจหายหรือถูกคัดลอก

  • ป้องกัน บุคคลภายนอกที่ไม่ได้รับอนุญาต จากการเข้าถึงพื้นที่ของผู้พักอาศัย


การปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) ของประเทศไทย


การใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้าต้องเป็นไปตามข้อกำหนดของ พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (PDPA) ซึ่งเป็นกฎหมายที่ควบคุมการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึง ข้อมูลชีวมิติ (Biometric Data) เช่น ข้อมูลใบหน้า


1. การขอความยินยอมโดยชัดแจ้ง (Explicit Consent)
  • ข้อมูลใบหน้าเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหว (Sensitive Personal Data) ตาม PDPA

  • ฝ่ายจัดการต้องได้รับ ความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษร จากผู้พักอาศัยก่อนเก็บข้อมูล

  • ต้องแจ้งให้ผู้พักอาศัยทราบว่า

    • ข้อมูลจะถูกใช้เพื่อวัตถุประสงค์ใด

    • ข้อมูลจะถูกเก็บรักษานานเท่าใด

    • มีบุคคลภายนอกเกี่ยวข้องกับการประมวลผลหรือไม่

    • ผู้อยู่อาศัยมีสิทธิ์เข้าถึง แก้ไข หรือขอให้ลบข้อมูลของตนได้

2. สิทธิในการปฏิเสธการเข้าร่วม (Right to Opt-Out)
  • ผู้อยู่อาศัยต้องมีสิทธิ์ ปฏิเสธการเข้าร่วม หากไม่ต้องการให้เก็บข้อมูลใบหน้า

  • ผู้ที่ปฏิเสธต้องได้รับ ทางเลือกอื่นในการเข้าถึงอาคาร เช่น

    • บัตรผ่าน (Keycard)

    • รหัสผ่าน (PIN Code)

    • แอปพลิเคชันบนมือถือ

  • ต้องไม่มีการเลือกปฏิบัติ ต่อผู้ที่เลือกไม่ใช้ระบบจดจำใบหน้า

3. การรักษาความปลอดภัยของข้อมูล (Data Security & Retention)
  • ข้อมูลใบหน้าต้องถูก เข้ารหัส (Encryption) เพื่อป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต

  • ต้องมี นโยบายกำหนดระยะเวลาเก็บข้อมูล และลบข้อมูลเมื่อไม่มีความจำเป็น

  • เฉพาะเจ้าหน้าที่ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้

4. ความรับผิดชอบของผู้ให้บริการระบบ (Third-Party Compliance)
  • หากใช้ผู้ให้บริการภายนอก ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้ให้บริการนั้น ปฏิบัติตาม PDPA และไม่มีการนำข้อมูลไปใช้ผิดวัตถุประสงค์

  • ควรเลือกใช้ระบบที่เก็บข้อมูลภายในประเทศเพื่อลดความเสี่ยงในการรั่วไหลของข้อมูล


หากไม่ปฏิบัติตาม PDPA อาจส่งผลให้เกิด ค่าปรับทางปกครองและความเสียหายทางกฎหมาย ได้ ดังนั้น ฝ่ายจัดการควรทำงานร่วมกับที่ปรึกษากฎหมายและเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (DPO) เพื่อให้แน่ใจว่าระบบเป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมาย


สรุป


ระบบควบคุมการเข้าออกด้วยการจดจำใบหน้าเป็นเครื่องมือที่ มีประสิทธิภาพในการป้องกันการปล่อยเช่าระยะสั้น และเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้อยู่อาศัย อย่างไรก็ตาม ฝ่ายจัดการต้อง คำนึงถึงกฎหมาย PDPA ของประเทศไทย โดยต้องได้รับ ความยินยอมจากผู้พักอาศัย ให้มีทางเลือกอื่นในการเข้าถึงอาคาร รักษาความปลอดภัยของข้อมูล และปฏิบัติตามหลักการของ PDPA อย่างเคร่งครัด


หากนำไปใช้อย่างถูกต้อง ระบบนี้จะช่วยให้การบริหารจัดการที่พักอาศัยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงจากการปล่อยเช่าที่ผิดกฎหมาย และเพิ่มความปลอดภัยให้กับทุกคนในชุมชน




Acknowledgement:

"This article was generated with the assistance of ChatGPT, an AI language model, and subsequently reviewed and edited by the author."

コメント


Chakrapan Pawangkarat

  • Facebook
  • LinkedIn
  • Instagram
bottom of page