top of page

มุมมองอสังหาริมทรัพย์โลกปี 2025 จากรายงาน Global Real Estate Perspective ของ JLL

จักรพันธ์ ภวังคะรัตน์

Head of Property Management, JLL Thailand

เลขาธิการ สมาคมบริหารทรัพย์สินแห่งประเทศไทย

5 December 2025


ree

มุมมองอสังหาริมทรัพย์โลกปี 2025 จากรายงาน Global Real Estate Perspective ของ JLL

อ้างอิงแหล่งข้อมูล:JLL, Global Real Estate Perspective – November 2025: https://www.jll.com/en-sea/insights/market-perspectives/global


ปี 2025 คือปีที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลกเริ่ม “ตื่นขึ้นจากการหลับยาวหลายปี” หลังต้องเผชิญความผันผวนต่อเนื่อง ทั้งจากเงินเฟ้อ ดอกเบี้ยสูง ความตึงเครียดระหว่างประเทศ รูปแบบการทำงานแบบ Hybrid และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจทั่วโลก ทำให้หลายคนตั้งคำถามว่า “ตลาดอสังหาฯ ยังเป็นสินทรัพย์ที่น่าลงทุนอยู่ไหม?”


รายงานล่าสุดของ JLL Global Real Estate Perspective – November 2025 ช่วยตอบคำถามนี้อย่างชัดเจนว่า


ใช่…ตลาดกำลังกลับมาฟื้น แต่ไม่ใช่การฟื้นแบบกว้าง (Broad Recovery)

แต่เป็นการฟื้นแบบ “เลือกเฉพาะของดีจริง ๆ” (Selective, Quality-led Recovery)


อุตสาหกรรมนี้กำลังจะเดินหน้าอีกครั้ง แต่เฉพาะส่วนที่ปรับตัวทัน เท่านั้นที่จะเติบโต


1) ภาพรวมการลงทุนทั่วโลก – เงินทุนใหญ่กำลังกลับเข้าสินทรัพย์ระดับพรีเมียม


ตัวชี้วัดสำคัญคือ เม็ดเงิน Direct Real Estate Investment ซึ่ง JLL รายงานว่า ไตรมาส 3/2025 มียอดลงทุนรวม 213 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 17% YoY ถือเป็นสัญญาณชัดเจนว่าเม็ดเงินจากกองทุน องค์กรสถาบัน และผู้ลงทุนรายใหญ่กำลังกลับเข้า “สินทรัพย์จริง (real assets)” มากขึ้น หลังจากช่วง 2022–2024 ที่หลายคนหลบไปถือเงินสดหรือพันธบัตร


ทำไมการลงทุนถึงกลับมา?


1) ดอกเบี้ยเริ่มนิ่ง หลังขึ้นต่อเนื่องเกือบ 3 ปี

อัตราดอกเบี้ยที่ทรงตัวทำให้ผู้ลงทุนประเมินผลตอบแทนได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องกังวลว่าต้นทุนดอกเบี้ยจะกระโดดขึ้นแบบในปี 2023–2024


2) เศรษฐกิจโลกปรับตัวดีขึ้นแม้ยังไม่ “สดใส” เต็มที่

ยังมีความเสี่ยง แต่ภาพรวมตัวเลขเศรษฐกิจเริ่มนิ่งมากกว่าเดิม ความเชื่อมั่น (Sentiment) กลับมาในหลายประเทศ


3) นักลงทุนต้องการสินทรัพย์ “ของจริง + ปลอดภัย + ทำเลดี”

สินทรัพย์ที่ได้รับความสนใจมากที่สุดคือ

  • อาคารสำนักงานเกรดพรีเมียม

  • คลังสินค้าโลจิสติกส์

  • ที่อยู่อาศัยเพื่อการเช่า (Living, Multi-family)

  • อสังหาฯ ด้าน Hospitality ที่อยู่ในตลาดท่องเที่ยวฟื้นตัวเร็ว


นี่คือการเข้าสู่ “ยุคของการคัดของดี” อย่างแท้จริงสินทรัพย์ที่เกรดกลาง–ล่าง หรือไม่ตอบโจทย์ ESG อาจถูกละเลยไปเรื่อย ๆ


2) ตลาดสำนักงาน (Office) — การฟื้นตัวแบบ “สองโลก” เกิดขึ้นจริงแล้ว


จากการวิเคราะห์ของ JLL ตลาดสำนักงานทั่วโลกกำลังแยกออกเป็นสองขั้วอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเห็นเด่นชัดเท่านี้มาก่อน


ขั้วที่ 1: อาคารพรีเมียม – ดีมานด์เพิ่มต่อเนื่อง

  • ยอดการทำสัญญาเช่ากลับสู่ระดับสูงสุดตั้งแต่ปี 2019

  • หลายเมืองใหญ่ในสหรัฐฯ และยุโรปมี Take-up สูงขึ้นถึงสองหลัก

  • บริษัทข้ามชาติแห่ย้ายกลับเข้าอาคาร “เกรดสูง สเปกดี ทำเลเด่น”


สาเหตุสำคัญคือ Workplace Strategy หลังโควิด องค์กรต้องการพื้นที่ที่ช่วยดึงพนักงานกลับออฟฟิศ จึงต้องให้ประสบการณ์ดีขึ้นกว่าเดิม ทั้ง

  • สิ่งอำนวยความสะดวก

  • การเดินทางสะดวก

  • คุณภาพอากาศ

  • ระบบอัจฉริยะ

  • พื้นที่ออกแบบรองรับงาน Hybrid


ขั้วที่ 2: อาคารเกรดรอง – อัตราว่างสูงขึ้นต่อเนื่อง

  • ตึกที่สร้างมานานแต่ไม่ได้อัปเกรดมีความเสี่ยงสูง

  • ค่าใช้จ่ายในการปรับให้ถึงมาตรฐาน ESG สูงขึ้น

  • ผู้เช่าให้ความสำคัญกับความยั่งยืนมากกว่าราคาเช่า


ภาพที่เกิดขึ้นในหลายประเทศคือ

“ตึกที่ไม่ปรับตัวจะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง แม้อยู่ในทำเลดี”


นี่ไม่ใช่การชะลอตัวทั่วไป แต่เป็นการ “รีเซ็ตตลาด” ที่ทำให้คุณภาพอาคารกลายเป็นเรื่องตัดสินอนาคต


3) โลจิสติกส์ (Logistics) — ดาวเด่นของรอบนี้ โตจากโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่


แม้บางตลาดจะชะลอจากฐานสูง แต่ JLL ชี้ว่าโลจิสติกส์ยังคงเป็นหนึ่งในประเภทอสังหาฯ ที่แข็งแรงที่สุด และมี “แรงขับเคลื่อนโครงสร้าง (Structural Drivers)” ที่ชัดเจนกว่าอสังหาฯ ประเภทอื่น


แรงขับเคลื่อน 1: การปรับซัพพลายเชนครั้งใหญ่ของโลก


หลายประเทศย้ายฐานการผลิตกลับประเทศตัวเอง (Reshoring) หรือใกล้บ้าน (Nearshoring) เช่น

  • สหรัฐฯ ดึงโรงงานกลับในอุตสาหกรรมไฮเทค

  • ยุโรปสร้างคลังสินค้าพลังงานสะอาด

  • เอเชียตะวันออกเฉียงใต้รับบทเป็นฐานกระจายสินค้าใหม่


ทั้งหมดส่งผลให้ Demand คลังสินค้า + ศูนย์กระจายสินค้าโตต่อเนื่อง


แรงขับเคลื่อน 2: E-Commerce ยังไม่หยุดโต


แม้การเติบโตชะลอจากช่วงโควิด แต่ยอดซื้อออนไลน์ยังสูงกว่า Pre-Covid 30–50% ในหลายประเทศ ทำให้การใช้คลังสินค้าเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง


แรงขับเคลื่อน 3: Data Center และ AI Infrastructure


ปี 2025–2030 จะเห็นการเร่งสร้าง

  • Data Center

  • Edge Computing Hub

  • AI Server Warehouse


ซึ่งใช้ที่ดินและอาคารมากกว่าคลังสินค้าธรรมดาหลายเท่า


อุปทานลด — ราคายิ่งแข็งแรง


หลายประเทศก่อสร้างช้าลงเพราะต้นทุนสูง ทำให้อุปทานใหม่เข้าตลาดน้อยลง ส่งผลให้ราคาค่าเช่าและ Yield มีแนวโน้มปรับเพิ่ม


ภาพรวมทั้งหมดทำให้โลจิสติกส์ยังเป็น “เมกะเทรนด์ยาว 10 ปี”


4) ค้าปลีกทั่วโลก (Retail) — จากยุคขายของ สู่ยุคขายประสบการณ์


ถ้าศูนย์การค้าไม่ปรับตัว วันนี้อาจยังอยู่รอด…อีก 3 ปีอาจไม่ใช่แล้ว


รายงาน JLL สรุปว่า โลกของ Retail กำลังเดินหน้าสู่ “Experience-first Retail”ผู้บริโภคตั้งคำถามว่า

“ไปแล้วได้อะไรกลับมา นอกจากสินค้า?”


สิ่งที่โตทั่วโลก

  • ร้านอาหารระดับพรีเมียม

  • คาเฟ่คอนเซปต์

  • ร้านที่ให้ประสบการณ์ เช่น VR, Gaming

  • Wellness, ฟิตเนส, คลินิกสุขภาพ


สิ่งที่หายไป

  • ร้านแฟชั่นทั่วไป

  • ศูนย์การค้าที่ไม่มีคอนเซปต์

  • ร้านที่ไม่มีความแตกต่าง


JLL ย้ำว่า “ห้างที่ไม่สร้างเหตุผลให้คนออกจากบ้าน จะร่วงเร็วมาก”


5) Living Sector — จากอสังหาฯรอง สู่สินทรัพย์หลักของโลกในปีนี้


กลุ่มที่อยู่อาศัยเพื่อการเช่า กลายเป็นสินทรัพย์ที่น่าจับตามากที่สุดในปี 2025 ตามรายงานของ JLL เพราะ “Demand สูงกว่า Supply ในทุกประเทศ”


กลุ่ม Living ที่เติบโตสูงสุด ได้แก่

  • Multi-family (อพาร์ตเมนต์เช่าในเมือง)

  • PBSA (ที่พักนักศึกษา)

  • Coliving / Co-living

  • Senior Living / Assisted Living


ทำไมกลุ่มนี้ถึงมาแรง?

  1. คนย้ายเข้าเมืองใหญ่เพิ่มขึ้น

  2. ราคาบ้าน-คอนโดสูงจนคนรุ่นใหม่เลือก “เช่า” มากกว่า “ซื้อ”

  3. นโยบายแรงงานต่างชาติของหลายประเทศเปิดกว้างขึ้น

  4. มหาวิทยาลัยในต่างประเทศรับนักศึกษาต่างชาติสูงขึ้น

  5. นักลงทุนมองหาสินทรัพย์ที่ให้รายได้สม่ำเสมอกว่า Retail หรือ Office


สำหรับเอเชีย รวมถึงไทย หากมีโครงการคุณภาพสูงในโลเคชันดี กลุ่มนี้คือ “สินทรัพย์ที่ปลอดภัยและเติบโตได้จริง”


6) โรงแรม & Hospitality — จากช่วงบูมหลังโควิด สู่การเติบโตแบบยั่งยืน


ปี 2023–2024 เป็นช่วงฟื้นตัวแรงของโรงแรมทั่วโลก แต่ปี 2025 เป็นปีที่ตลาดกลับเข้าสู่ “เสถียรภาพ” มากขึ้น


รายงาน JLL ระบุว่า

  • Europe และ Asia-Pacific ยังเติบโตดีต่อเนื่อง

  • ตลาดสหรัฐฯ เริ่มปรับตัวลง แต่ยังมีพื้นฐานแข็งแรง

  • การเดินทางเชิงธุรกิจ (Business Travel) กลับมามากกว่าที่คาดไว้


สิ่งที่น่าสนใจคือ การเติบโตของโมเดล Franchise Hotel / Third-party Management ทำให้ผู้ประกอบการขยายตัวด้วยความเสี่ยงที่ต่ำลง


7) บทสรุปจาก JLL สำหรับผู้อ่านชาวไทย: อสังหาฯ โลกกำลังเข้าสู่ “รอบของคนที่ปรับตัวทัน”


1) เม็ดเงินลงทุนกลับมา แต่เลือกลงเฉพาะของดีจริง


อาคารเก่าที่ไม่รีโนเวต ไม่ตอบโจทย์ ESG หรือไม่อยู่บนเส้นทางเศรษฐกิจใหม่ อาจเสี่ยงถูกทิ้ง


2) สำนักงานพรีเมียม, โลจิสติกส์ และ Living Sector คือแกนกลางของรอบนี้


สามกลุ่มนี้ถูกผลักดันโดยเมกะเทรนด์

  • Digital Economy

  • AI Infrastructure

  • E-commerce

  • Urban Living

  • Supply Chain Reconfiguration


3) ตลาดที่ไม่ปรับตัวอาจเข้าสู่ “ภาวะล้าหลังถาวร”


ศูนย์การค้าเก่าสำนักงานเกรดรองโครงการที่ไม่รองรับไลฟ์สไตล์ใหม่ของแรงงานและผู้บริโภคทั้งหมดคือกลุ่มเสี่ยงในช่วง 2025–2030


4) นักลงทุนไทยควรมองภาพ “ภูมิภาค” ไม่ใช่แค่ในประเทศ


โอกาสในอาเซียนมีมากขึ้น โดยเฉพาะ

  • Logistics

  • Hospitality

  • Student Housing

  • Co-living

Chakrapan Pawangkarat

  • TikTok
  • Facebook
  • LinkedIn
  • Instagram
  • Youtube
bottom of page