หลังแผ่นดินไหว ตรวจระบบปรับอากาศแบบมืออาชีพใน 6 ขั้นตอน
- Chakrapan Pawangkarat
- Apr 13
- 1 min read
Updated: Apr 14
จักรพันธ์ ภวังคะรัตน์
อดีตนายกสมาคมวิศวกรรมปรับอากาศแห่งประเทศไทย (ACAT)
Past-President ASHRAE Thailand
Head of Property and Asset Management, JLL Thailand
13 April 2025

เมื่อเกิดแผ่นดินไหว สิ่งสำคัญอันดับแรกคือความปลอดภัยของผู้คน แต่ทันทีที่เหตุการณ์สงบลง ทีมงานซ่อมบำรุงต้องรีบเข้าตรวจสอบความปลอดภัยของระบบอาคารที่สำคัญ—โดยเฉพาะระบบ HVAC (Heating, Ventilation, and Air Conditioning) หรือระบบปรับอากาศ ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของความสบาย แต่ในประเทศไทย ระบบเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในโรงพยาบาล ศูนย์ข้อมูล อาคารสูง และห้างสรรพสินค้า
บทความนี้จะช่วยแนะนำแนวทางการตรวจสอบระบบ HVAC หลังเกิดแผ่นดินไหว โดยเฉพาะสำหรับอาคารในประเทศไทย
บริบทของแผ่นดินไหวในประเทศไทย
แม้ประเทศไทยจะไม่ตั้งอยู่บนแนวรอยเลื่อนหลัก แต่พื้นที่หลายแห่งก็ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวที่มีศูนย์กลางอยู่ในพม่า ลาว หรือทะเลอันดามัน เช่น แผ่นดินไหวขนาด 6.1 ที่เชียงรายในปี 2557 และขนาด 7.7 ที่มัณฑะเลย์ เมื่อ 28 มีนาคม ปี 2568 เป็นสัญญาณเตือนที่ชัดเจนถึงความเปราะบางของโครงสร้างอาคารในประเทศ
พื้นที่เสี่ยงที่ควรเฝ้าระวังเป็นพิเศษ:
ภาคเหนือ (เชียงราย เชียงใหม่ น่าน)
ชายแดนตะวันตก (ตาก กาญจนบุรี)
บางส่วนของกรุงเทพฯ และปริมณฑล (เสี่ยงต่อคลื่นไหวสะเทือนที่ขยายผ่านดินอ่อน)
อาคารหลายแห่ง โดยเฉพาะอาคารเก่า อาจไม่มีการยึดอุปกรณ์ระบบ MEP อย่างถูกต้องตามหลักการป้องกันแรงสั่นสะเทือน
1. รู้จักจุดสำคัญที่ต้องตรวจ
ในสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย ระบบ HVAC มีความสำคัญทั้งด้านความปลอดภัยและการควบคุมสภาพแวดล้อม โดยเฉพาะใน:
โรงพยาบาล
ศูนย์คอมพิวเตอร์
อาคารสำนักงานสูง
ห้างสรรพสินค้าและโรงแรม
อุปกรณ์ที่ควรตรวจสอบเป็นลำดับแรก:
AHU/FCU แบบแขวนเพดานในห้องผู้ป่วยหรือโถงทางเดิน
คูลลิ่งทาวเวอร์หรือเครื่องทำความเย็นบนหลังคา
ท่อส่งลมและท่อน้ำเย็นภายนอกอาคาร
ระบบระบายอากาศฉุกเฉินและพัดลมควบคุมความดัน
2. ตรวจสอบจากภายนอกเข้าใน – จากบนลงล่าง
เริ่มจากจุดที่เสี่ยงมากที่สุด เช่น:
อุปกรณ์บนหลังคา
ตรวจสอบการหลุดจากฐานยึด การเอียง หรือท่อล้ม
ดูว่ามีรอยรั่วของท่อแก๊สหรือท่อน้ำยาหรือไม่
ตรวจสอบโครงยึด หากเป็นเหล็กเก่าอาจผุพังง่าย
ห้องเครื่องกล (Mechanical Rooms)
ตรวจสอบจุดยึดของชิลเลอร์ AHU หรือหม้อไอน้ำ
ดูว่ามีน้ำรั่วจากท่อ หรือเกิดไฟฟ้าลัดวงจรหรือไม่
ตรวจสอบการทำงานของแผงควบคุมและเซ็นเซอร์
อุปกรณ์แขวนใต้ฝ้า
ตรวจสอบ FCU ว่ายึดแน่นหรือไม่
เช็กสายรัด ฉนวน และจุดรองรับแรงสั่น
ดูท่อน้ำทิ้งว่าแตกรั่วหรือขยับหลุดหรือไม่
3. เครื่องมือที่ควรมีในภาคสนาม
เครื่องตรวจแก๊สรั่ว
เครื่องตรวจการรั่วน้ำยาแอร์ (R-134a, R-410a)
ไฟฉาย กล้องถ่ายรูป หรือแท็บเล็ตพร้อมแบบฟอร์ม
PPE: หมวกนิรภัย ถุงมือ รองเท้านิรภัย หน้ากาก
เครื่องวัดความชื้น (สำหรับพื้นที่น้ำรั่ว)
แผ่นแบบฟอร์มการตรวจภาคสนาม (สามารถใช้ Microsoft Forms หรือ LINE สำหรับรวบรวมข้อมูลได้แบบเรียลไทม์)
4. จะเปิดระบบได้หรือไม่?
ก่อนพิจารณาเปิดระบบ HVAC ต้องมั่นใจว่า:
โครงสร้างอุปกรณ์ยังอยู่ในตำแหน่ง ยึดแน่น ไม่ล้ม
ไม่มีการรั่วของน้ำยาแอร์ แก๊ส หรือท่อน้ำ
ระบบไฟฟ้าปลอดภัย ไม่มีไฟลัดวงจร
ระบบควบคุมยังตอบสนองและไม่มีสัญญาณเตือน
5. โรงพยาบาล และอาคารสำคัญ
อาคารประเภทนี้มักต้องรายงานและบันทึกการตรวจสอบตามมาตรฐาน เช่น HA
ตรวจสอบความดันอากาศระหว่างห้องสะอาด-ห้องสกปรก
ตรวจสอบระบบกรองอากาศ HEPA
สำรองพัดลมหรือเครื่องทำความเย็นในกรณีไฟดับ
ระบบระบายอากาศของเครื่องกำเนิดไฟฟ้า
6. อย่าลืม “แผ่นดินไหวตาม” (Aftershocks)
แผ่นดินไหวตามอาจทำให้ส่วนที่หลวมอยู่แล้วหลุดร่วงภายหลัง เช่น ท่อลมตกจากเพดานหลังเกิดเหตุหลายชั่วโมง ควรมีการตรวจซ้ำหากมี Aftershock
สรุปส่งท้าย
แม้ประเทศไทยจะไม่ใช่เขตแผ่นดินไหวรุนแรง แต่แผ่นดินไหวระดับปานกลางก็สามารถทำให้อุปกรณ์ HVAC เสียหายรุนแรงได้ โดยเฉพาะในอาคารที่ไม่มีการติดตั้งหรือบำรุงรักษาอย่างเหมาะสม
การตรวจสอบหลังแผ่นดินไหวเป็นภารกิจสำคัญที่ช่วยป้องกันความเสี่ยง รองรับการใช้งานอาคารอย่างปลอดภัย และฟื้นฟูระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เตรียมพร้อมไว้—เพื่ออาคารที่ปลอดภัยในทุกสถานการณ์
Acknowledgement:
"This article was generated with the assistance of ChatGPT, an AI language model, and subsequently reviewed and edited by the author."
Commenti