top of page

แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์กรุงเทพฯ หลังแผ่นดินไหว 28 มีนาคม 2568



จักรพันธ์ ภวังคะรัตน์

Head of Property and Asset Management, JLL Thailand

เลขาธิการ สมาคมบริหารทรัพย์สินแห่งประเทศไทย

17 April 2025



สร้างความเชื่อมั่นใหม่ ผ่านความยั่งยืนและความปลอดภัย


เหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ที่ส่งผลกระทบต่อกรุงเทพมหานคร แม้จะมีขนาดปานกลางและอาคารส่วนใหญ่ไม่ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง แต่ได้เขย่าความมั่นใจของทั้งนักลงทุน เจ้าของอาคาร ผู้เช่า และผู้ซื้ออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้


ผลกระทบระยะสั้น: ความเชื่อมั่นและการตรวจสอบ

ในช่วงไม่กี่สัปดาห์หลังแผ่นดินไหว กิจกรรมการเช่าและการซื้อ-ขายอสังหาริมทรัพย์บางประเภทชะลอตัวลง ผู้เช่าและผู้ซื้อเริ่มให้ความสำคัญกับ “ความปลอดภัยจากแผ่นดินไหว” มากกว่าทำเลหรือราคา โดยเฉพาะในอาคารสูงและอาคารที่สร้างก่อนปี 2550 ซึ่งเป็นช่วงก่อนมีการปรับปรุงกฎหมายด้านโครงสร้างเพื่อต้านทานแผ่นดินไหว


พร้อมกันนี้ บริษัทประกันภัยได้รับการติดต่อเพื่อสอบถามและเคลมกรมธรรม์จำนวนมาก โดยเฉพาะเรื่องความคุ้มครองจากแผ่นดินไหว ซึ่งก่อนหน้านี้มักเป็นความคุ้มครองเสริม ปัจจุบันกลายเป็นความจำเป็นที่ผู้ครอบครองทรัพย์สินและผู้ให้สินเชื่อต้องพิจารณาอย่างจริงจัง


กฎระเบียบ: จุดเปลี่ยนของมาตรฐานความปลอดภัย

เหตุการณ์ครั้งนี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ผลักดันให้หน่วยงานรัฐ เช่น กระทรวงมหาดไทย และกรุงเทพมหานคร ทบทวนข้อกำหนดด้านโครงสร้างอาคารให้ทันสมัยยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่หนาแน่นและอาคารสูง


มีการพูดถึงความเป็นไปได้ที่รัฐจะกำหนดให้อาคารเก่าโดยเฉพาะเชิงพาณิชย์ต้องเข้ารับการตรวจสอบความแข็งแรงและรายงานผลต่อสาธารณะ ซึ่งอาจส่งผลต่อมูลค่าทรัพย์สินและทำให้การบริหารอาคารต้องโปร่งใสมากขึ้น


ทรัพย์สินปลอดภัยคือทรัพย์สินเด่น: โอกาสของอาคารที่ได้มาตรฐาน

เมื่อผู้คนเริ่มตระหนักถึงความเสี่ยง ตลาดอสังหาริมทรัพย์ก็เริ่มมอบรางวัลให้กับอาคารที่ออกแบบและก่อสร้างให้สามารถทนทานต่อแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหว อาคารที่มีใบรับรองคุณภาพระดับสากล เช่น LEED, WELL หรือ TREES ไม่เพียงถูกมองว่าเป็นอาคารสีเขียว แต่ยังเป็น “อาคารที่ปลอดภัย” ซึ่งมีโอกาสในการเพิ่มมูลค่าสูงกว่าทั่วไป


ในขณะเดียวกัน โครงการในพื้นที่รอบนอก หรืออาคารเตี้ย ก็ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นจากทั้งผู้ซื้อและนักลงทุนที่มองหาความเสี่ยงต่ำกว่าในใจกลางเมือง


โอกาสของการรีโนเวทและพัฒนาใหม่

สำหรับเจ้าของอาคารเก่า โดยเฉพาะอาคารสำนักงานและอาคารเชิงพาณิชย์ แผ่นดินไหวครั้งนี้อาจเป็นสัญญาณให้ทบทวนกลยุทธ์ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนปรับปรุงโครงสร้างอาคารเพื่อความปลอดภัย หรือการตัดสินใจพัฒนาใหม่เพื่อรองรับตลาดที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยมากขึ้น

ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง วิศวกรรมโครงสร้าง และระบบ MEP ที่เชี่ยวชาญด้านการเสริมความแข็งแรงของอาคารจะมีบทบาทสำคัญในช่วงฟื้นฟูนี้


การสื่อสารสร้างความมั่นใจ: บทบาทของผู้บริหารอาคาร

ในช่วงวิกฤต “ความชัดเจน” คือหัวใจสำคัญ ผู้บริหารอาคารที่สามารถให้ข้อมูลตรวจสอบโครงสร้าง เผยแพร่แผนรองรับภัยพิบัติ และสื่อสารกับผู้เช่าอย่างโปร่งใส จะสามารถสร้างความมั่นใจได้เร็วกว่าผู้อื่น


อาคารที่มีระบบ BAS และระบบเตือนภัยแบบเรียลไทม์ ยังช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้เช่า โดยเฉพาะองค์กรขนาดใหญ่ที่ต้องบริหารความเสี่ยงอย่างรอบด้าน


สรุป: ก้าวใหม่ของกรุงเทพฯ สู่เมืองที่ปลอดภัยและยั่งยืน

เหตุการณ์แผ่นดินไหวในเดือนมีนาคม 2568 เปรียบเสมือนบททดสอบที่ชี้ให้เห็นว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์กรุงเทพฯ ต้องไม่เพียงมองหาความหรูหรา ทำเล หรือผลตอบแทนเท่านั้น แต่ต้องยกระดับมาตรฐานด้าน “ความปลอดภัย” และ “ความยั่งยืน” ให้เป็นเรื่องพื้นฐาน


ตลาดไม่ได้หายไป — แต่มันกำลังเปลี่ยนรูปใครที่มองเห็นอนาคตของอาคารที่ “แข็งแรง มีแผนสำรอง และยืนหยัดได้ในวิกฤต” คือผู้ที่จะนำในยุคใหม่ของอสังหาริมทรัพย์ไทย



Acknowledgement:

"This article was generated with the assistance of ChatGPT, an AI tool, and subsequently reviewed and edited by the author."

Comments


Chakrapan Pawangkarat

  • Facebook
  • LinkedIn
  • Instagram
bottom of page