🌆 Amenities Define Competitiveness: เมื่อผู้เช่าในกรุงเทพฯ คาดหวังมากกว่าพื้นที่ทำงาน
- Chakrapan Pawangkarat
- Oct 23
- 1 min read
จักรพันธ์ ภวังคะรัตน์
Head of Property Management, JLL Thailand
เลขาธิการ สมาคมบริหารทรัพย์สินแห่งประเทศไทย
23 October 2025

ในอดีต “อาคารสำนักงานที่ดี” หมายถึงทำเลดี ระบบปรับอากาศเย็น ลิฟต์ไม่ช้า และที่จอดรถเพียงพอแต่ในวันนี้ สิ่งเหล่านั้นกลายเป็น “minimum expectation” ที่ผู้เช่ามองว่า “ต้องมีอยู่แล้ว”
ผู้เช่าในกรุงเทพฯ — โดยเฉพาะองค์กรรุ่นใหม่ พนักงานเจนใหม่ และบริษัทข้ามชาติ — กำลังมองหาอาคารที่ “ให้มากกว่าแค่ที่ทำงาน” พวกเขาเลือกอาคารที่ “สะท้อนวัฒนธรรมองค์กร” และ “สร้างประสบการณ์ให้ทีมอยากมาออฟฟิศ”
การแข่งขันของตลาดจึงเปลี่ยนจาก “ค่าเช่า” สู่ “คุณค่าที่ผู้เช่ารู้สึกได้ในทุกวัน”
🧭 จาก Function สู่ Experience
สิ่งอำนวยความสะดวก (Amenities) เคยเป็น “สิ่งเพิ่มความสะดวก” แต่วันนี้มันคือ “หัวใจของกลยุทธ์ดึงดูดและรักษาผู้เช่า”
อาคารยุคใหม่ในกรุงเทพฯ ไม่ได้ออกแบบแค่เพื่อตอบสนองการทำงาน แต่เพื่อ “ออกแบบชีวิตในวันทำงาน” (Workday Experience) แนวคิดนี้ทำให้ amenities ไม่ได้อยู่รอบอาคาร — แต่กลายเป็น “ส่วนหนึ่งของคุณค่าทางธุรกิจ” ที่ผู้เช่าสัมผัสได้ตั้งแต่ก้าวแรก
🏢 5 หมวดสำคัญของ Amenities ที่ผู้เช่าคาดหวังในกรุงเทพฯ
1. Wellness-Centric Spaces: สุขภาวะคือมาตรฐานใหม่ของพื้นที่ทำงาน
ในเมืองที่ร้อนชื้นและมีคุณภาพอากาศแปรปรวนอย่างกรุงเทพฯ ผู้เช่าคาดหวังสิ่งอำนวยความสะดวกที่ช่วยให้พนักงาน “รู้สึกดีและปลอดภัย”
ห้องฟิตเนส, shower room, yoga studio
พื้นที่สีเขียว สวนกลางแจ้ง หรือ pocket garden
ระบบปรับอากาศที่มี IAQ/CO₂ sensor และการหมุนเวียนอากาศที่ดี
มาตรฐาน WELL หรือแนวคิด “human-centered building”
Wellness space ไม่ใช่เรื่องฟุ่มเฟือย แต่เป็นตัวสะท้อนว่าอาคารใส่ใจ “สุขภาพของผู้ใช้” เท่ากับ “ภาพลักษณ์ขององค์กร”
2. Smart Convenience: สะดวก ปลอดภัย และไร้รอยต่อ
ผู้เช่าในกรุงเทพฯ คุ้นเคยกับเทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน — พวกเขาคาดหวังให้ “อาคารอัจฉริยะ” ไม่แพ้บ้านของตัวเอง
ระบบเข้าอาคารแบบ Touchless หรือ Facial Recognition
แอปพลิเคชันอาคารที่ใช้จองห้องประชุม แจ้งซ่อม หรือดูพลังงานได้
ระบบแสดงข้อมูลแบบเรียลไทม์ เช่น ลิฟต์ที่ว่าง, ที่จอดรถ, หรือสภาพอากาศในพื้นที่
ระบบรักษาความปลอดภัยแบบ AI analytics ที่มองเห็นก่อนเกิดปัญหา
ความฉลาดของอาคารคือ “ภาษาใหม่ของความสะดวก” — ผู้เช่าไม่ได้ต้องการเทคโนโลยีมากที่สุด แต่ต้องการเทคโนโลยีที่ “ใช้งานง่ายและเพิ่มคุณภาพชีวิตจริง”
3. Lifestyle Integration: ทำงาน กิน พักผ่อน อยู่ในจังหวะเดียวกัน
ในกรุงเทพฯ การจราจรทำให้เวลาคือสินค้าที่มีค่าที่สุด ผู้เช่าจึงมองหาอาคารที่รวมทุกอย่างไว้ใน ecosystem เดียว — ทำให้ชีวิตในวันทำงานไม่สะดุด
ร้านกาแฟและ F&B ที่เข้าถึงง่าย
Co-living หรือพื้นที่พักผ่อนระหว่างวัน
Event space สำหรับกิจกรรมภายในองค์กร
Wellness café หรือพื้นที่จัดกิจกรรมสุขภาพ
อาคารที่รวม “ชีวิต” และ “งาน” เข้าด้วยกัน จะเป็นจุดหมายที่ผู้คนอยากใช้เวลาอยู่ ไม่ใช่แค่มาทำงานแล้วรีบกลับ
4. Community & Connection: สร้างพื้นที่ให้คนได้เจอกัน
หลังยุค Work-from-home หลายองค์กรตระหนักว่า “การกลับมาออฟฟิศ” ต้องมีเหตุผลที่มากกว่าโต๊ะทำงาน Amenities ที่สร้าง community เช่น
พื้นที่แชร์ไอเดีย (collaboration zone)
ล็อบบี้ที่ออกแบบให้เป็น social space
กิจกรรม tenant engagement ที่จัดสม่ำเสมอ
อาคารที่ดีคืออาคารที่ “ทำให้คนรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของบางสิ่ง” เพราะเมื่อผู้เช่ารู้สึกถึง community พวกเขาจะอยากอยู่ในอาคารนั้นนานขึ้น
5. Sustainability as Amenity: ความยั่งยืนคือคุณค่าใหม่ของผู้เช่า
องค์กรในกรุงเทพฯ จำนวนมากกำลังมุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero อาคารที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกเชิงยั่งยืนจึงกลายเป็น “ตัวเลือกที่ต้องมี”
EV charging station
ระบบแยกขยะและรีไซเคิล
ระบบตรวจวัดพลังงานและคาร์บอนแบบ real-time
การใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ส่วนกลาง
Sustainability ไม่ได้เป็นเพียง CSR อีกต่อไป แต่เป็น “Corporate Requirement” ที่แสดงถึงความสอดคล้องของอาคารกับเป้าหมายองค์กรผู้เช่า
💡 จาก “สิ่งอำนวยความสะดวก” สู่ “สิ่งที่สร้างมูลค่า”
ในบริบทกรุงเทพฯ ที่อุปทานอาคารคุณภาพสูงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การมี amenities ที่ตอบโจทย์กลายเป็นปัจจัยคัดกรองอาคารตั้งแต่ขั้นตอน shortlisting
ผู้เช่าอาจยอมจ่ายค่าเช่าที่สูงกว่า หากแลกกับประสบการณ์ที่ทำให้พนักงานมีความสุข มีประสิทธิภาพ และสะท้อนคุณค่าของแบรนด์
ดังนั้นเจ้าของอาคารต้องเปลี่ยนมุมมองจาก
“เรามีสิ่งอำนวยความสะดวกอะไรให้ผู้เช่า”เป็น“เราสร้างประสบการณ์อะไรให้ผู้เช่ารู้สึกว่าอยากอยู่กับเราต่อ”
เพราะในที่สุดแล้ว การแข่งขันของอาคารในกรุงเทพฯ จะไม่ใช่เรื่องทำเลหรือราคา แต่คือ “ใครเข้าใจชีวิตของผู้เช่ามากกว่า”
สรุป:
ในยุคที่ผู้เช่ามี minimum expectation สำหรับ amenities แล้ว เจ้าของอาคารที่อยู่รอด คือผู้ที่ “มอง amenities เป็นกลยุทธ์ ไม่ใช่แค่ของตกแต่ง” เพราะอาคารไม่ได้ขายพื้นที่อีกต่อไป — แต่อาคารกำลัง “ขายประสบการณ์การใช้ชีวิตในพื้นที่นั้น”


