จากซื้อสู่ใช้จริง: เคล็ดลับทำให้ PropTech สร้างผลลัพธ์ระยะยาว
- Chakrapan Pawangkarat
- Aug 12
- 2 min read
จักรพันธ์ ภวังคะรัตน์
Head of Property and Asset Management, JLL Thailand
เลขาธิการ สมาคมบริหารทรัพย์สินแห่งประเทศไทย
12 August 2025

บทนำ – จากการซื้อสู่การใช้งานจริง
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา คำว่า Property Technology หรือ PropTech กลายเป็นหัวข้อร้อนแรงในวงการบริหารอาคารและอสังหาริมทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็นระบบ Building Management System (BMS) รุ่นใหม่, Computerized Maintenance Management System (CMMS), IoT Sensors, AI สำหรับ Predictive Maintenance หรือแพลตฟอร์ม Tenant Experience
หลายเจ้าของอาคารตัดสินใจลงทุนในเทคโนโลยีเหล่านี้ เพราะมองเห็นโอกาสในการ ลดต้นทุน, เพิ่มประสิทธิภาพ, และสร้างความแตกต่างในการให้บริการ
อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จหรือความล้มเหลวของการลงทุนไม่ได้ถูกตัดสินในวันที่เซ็นสัญญาซื้อ แต่จะถูกตัดสินใน ช่วงการ Deployment ซึ่งเป็นจุดที่เทคโนโลยีต้องเปลี่ยนจาก “สิ่งที่ซื้อมา” ให้กลายเป็น “สิ่งที่ใช้งานจริง” และสร้างผลลัพธ์
1. เข้าใจว่า ‘การติดตั้ง’ ไม่เท่ากับ ‘การใช้งาน’
หลายโครงการหยุดอยู่แค่การติดตั้งระบบและเชื่อมต่ออุปกรณ์ในอาคารได้ครบ ถือว่าภารกิจเสร็จสิ้น แต่ในความจริง นั่นเป็นเพียง “จุดเริ่มต้น”
การทำให้ทีมงาน ใช้ระบบอย่างเต็มศักยภาพ คือขั้นตอนที่ใช้เวลาและความพยายามมากกว่าการติดตั้งเสียอีก
การอบรมต้องต่อเนื่อง ไม่จบเพียงวันเดียว
Workflow ต้องปรับให้สอดคล้องกับระบบใหม่
ความเข้าใจผิดหรือความกังวลว่าเทคโนโลยีจะมาแทนคนต้องได้รับการจัดการ
เจ้าของอาคารที่ตระหนักถึงประเด็นนี้ตั้งแต่แรก จะวางแผนการ Deployment ได้ราบรื่นและลดโอกาสสูญเสีย ROI
2. เริ่มด้วยการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน
เมื่อเทคโนโลยีถูกจัดซื้อแล้ว ควรกำหนดคำตอบสำหรับคำถามสำคัญ:
ระบบนี้ถูกนำมาเพื่อแก้ปัญหาใดเป็นหลัก
ความสำเร็จจะวัดจากตัวเลขหรือดัชนีชี้วัดแบบไหน
คาดหวังผลลัพธ์ภายในกี่เดือน
ตัวอย่าง KPI สำหรับ PropTech:
ลด Downtime ของระบบวิศวกรรมอย่างน้อย 20% ภายใน 12 เดือน
ลดค่าไฟฟ้าด้วยการปรับ setpoint และปรับการเดินเครื่องให้เหมาะสม
ลดเวลาเฉลี่ยในการปิดงานซ่อม (Work Order Closure Time) ลง 30%
เพิ่มคะแนนความพึงพอใจของผู้เช่า (Tenant Satisfaction) จากบริการที่รวดเร็วและโปร่งใส
เป้าหมายเหล่านี้จะเป็น “เข็มทิศ” ของโครงการและทำให้ทีมเข้าใจทิศทางร่วมกัน
3. สร้างโครงสร้างการดูแลโครงการ (Governance)
การติดตั้งเทคโนโลยีใหม่ไม่ควรถูกปล่อยให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งรับผิดชอบเพียงลำพัง ควรตั้ง PropTech Steering Committee ที่ประกอบด้วยตัวแทนจากทุกฝ่ายสำคัญ
ฝ่ายบริหารอาคาร – กำหนด workflow และขั้นตอนปฏิบัติ
ฝ่ายเทคนิค – ให้ข้อมูลเชิงลึกทางวิศวกรรมและระบบ
ฝ่าย IT/Data Security – ตรวจสอบความปลอดภัยและการเชื่อมต่อ
ตัวแทนเจ้าของอาคาร – กำกับให้สอดคล้องกับกลยุทธ์และผลตอบแทนการลงทุน
เป้าหมายของคณะทำงานนี้คือ ตัดสินใจได้เร็ว แก้ปัญหาได้ไว และรักษาทิศทางโครงการ
4. เริ่มจาก Pilot ไม่ใช่ Big Bang
การเปิดใช้งานระบบทั้งหมดพร้อมกันอาจดูรวดเร็ว แต่มีความเสี่ยงสูงเพราะความผิดพลาดใด ๆ จะกระทบทุกส่วนในทันที
การเริ่มด้วย Pilot Site หรือ Pilot System จะช่วยให้สามารถ:
ทดสอบการเชื่อมต่อกับระบบเดิม
ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลจากเซนเซอร์
ประเมินการใช้งานจริงโดยทีมปฏิบัติการ
เก็บ Feedback เพื่อปรับปรุงก่อนขยายการใช้งาน
การเริ่มแบบค่อยเป็นค่อยไปช่วยเพิ่มโอกาสความสำเร็จในระยะยาว
5. การฝึกอบรม – เน้นการแก้ปัญหา ไม่ใช่แค่กดปุ่ม
การฝึกอบรมที่ได้ผลต้องเชื่อมโยงการใช้ระบบกับสถานการณ์จริง ไม่ใช่เพียงการสอนเมนูและปุ่มคำสั่ง
ใช้ตัวอย่างเหตุการณ์จริง เช่น การแจ้งเตือนแรงดันน้ำตก ต้องทำอะไรต่อ
สอนการอ่านข้อมูลเชิงแนวโน้ม (Data Trends) เพื่อการตัดสินใจ
จัดอบรมแบบแบ่งระดับ – ผู้ใช้ทั่วไป, ช่างเทคนิคขั้นสูง, ผู้จัดการระบบ
ใช้แนวทาง Reverse Mentoring ให้บุคลากรรุ่นใหม่ช่วยสอนด้านเทคโนโลยี และบุคลากรรุ่นพี่ถ่ายทอดประสบการณ์หน้างาน
เมื่อทีมเห็นว่าระบบช่วยให้ทำงานง่ายขึ้นและแม่นยำขึ้น การยอมรับจะเกิดขึ้นเอง
6. จัดการแรงต้านตั้งแต่ต้น
แรงต้านจากทีมปฏิบัติการเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น ความกลัวว่าจะถูกแทนที่ ความไม่มั่นใจ หรือไม่เห็นประโยชน์
แนวทางลดแรงต้าน:
ให้ทีมมีส่วนร่วมตั้งแต่ขั้นทดสอบ
สื่อสารว่าระบบนี้เป็นเครื่องมือช่วยเพิ่มคุณภาพการทำงาน
ยกตัวอย่างความสำเร็จจากโครงการอื่นที่คล้ายกัน
ให้รางวัลหรือการยกย่องแก่ผู้ที่ใช้ระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ
7. จัดการการแจ้งเตือนให้เหมาะสม
IoT และระบบอัตโนมัติสามารถสร้างข้อมูลจำนวนมาก ซึ่งหากไม่มีการคัดกรอง อาจนำไปสู่ Alarm Fatigue หรือการมองข้ามการแจ้งเตือน
ควร:
จัดลำดับความสำคัญของการแจ้งเตือน
ลดการแจ้งเตือนที่ไม่สำคัญในช่วงเวลาวิกฤติ
ใช้ Dashboard ที่แสดงภาพรวมและแนวโน้ม มากกว่าการไล่ดูทุกข้อความ
8. วัดผลและรายงาน ROI อย่างต่อเนื่อง
ควรกำหนด Baseline ก่อนระบบเริ่มใช้งาน เช่น
ค่าใช้พลังงานรายเดือน
จำนวนเหตุขัดข้อง
เวลาปิดงานซ่อมเฉลี่ย
คะแนนความพึงพอใจของผู้เช่า
ติดตามผลทุก 3–6 เดือน เพื่อประเมินความคุ้มค่าการลงทุน และสื่อสารผลลัพธ์กลับไปยังทีมงานเพื่อสร้างแรงจูงใจต่อเนื่อง
9. สื่อสารกับผู้เช่า – ให้รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลง
หากระบบส่งผลต่อผู้เช่าโดยตรง เช่น แอปแจ้งซ่อม หรือระบบควบคุมอุณหภูมิ ควร:
สื่อสารอย่างชัดเจนว่าระบบใหม่นี้ช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้นอย่างไร
จัดกิจกรรมสาธิตการใช้งาน
เก็บ Feedback ก่อนเปิดใช้เต็มรูปแบบ
การทำให้ผู้เช่าเป็นพันธมิตรจะช่วยให้การนำระบบไปใช้ราบรื่นขึ้น
10. กลยุทธ์ On-going – ใช้งานต่อเนื่องและเพิ่มประสิทธิผลอย่างต่อเนื่อง
เมื่อระบบถูกใช้งานอย่างมั่นคงแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการ รักษาระดับการใช้งานให้ต่อเนื่อง และ เพิ่มประสิทธิผลเรื่อย ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงปรากฏการณ์ “ฮันนีมูน” ที่พีคในช่วงแรกแล้วค่อย ๆ ลดลง
1. ตั้งรอบ Review & Refresh ทุก 3–6 เดือน
ประชุมทบทวน KPI, ปัญหา, และความสำเร็จ
อัปเดตความรู้ผู้ใช้ และแนะนำฟีเจอร์ใหม่
ปรับ Threshold และ Alert ให้เหมาะกับฤดูกาลหรือสภาพการใช้งาน
2. ทำ Adoption Health Check
ตรวจสอบการใช้งานจริงว่าใครเลิกใช้ฟังก์ชันหลักหรือไม่
แก้สาเหตุทันที เช่น ปรับ Workflow หรือฝึกซ้ำ
3. สร้าง PropTech Champions Network
แต่งตั้งผู้ใช้ที่เชี่ยวชาญเป็น Champion ในแต่ละทีม
ให้บทบาทช่วยแก้ปัญหาเบื้องต้นและสอนเพื่อนร่วมงาน
มอบ Recognition เป็นระยะเพื่อสร้างแรงจูงใจ
4. ใช้ข้อมูลเล่าเรื่องความสำเร็จ (Storytelling with Data)
แปลงตัวเลขเป็นเรื่องราว เช่น “เดือนนี้ลด Downtime ได้ 15 ชั่วโมง คิดเป็นมูลค่า 80,000 บาท”
แชร์ข้อมูลนี้ให้ทั้งทีมและผู้เช่า เพื่อสร้างความภูมิใจและแรงขับเคลื่อน
5. เปิดรับฟีเจอร์ใหม่และนวัตกรรมเสริม
ติดตาม Roadmap ของผู้ให้บริการระบบ
ทดลองใช้ในวงจำกัดก่อนขยาย
ผสานกับระบบเดิมเพื่อป้องกัน Data Silo
6. วางระบบ Continuous Improvement (CI)
เปิดโอกาสให้ทุกคนเสนอไอเดียพัฒนาระบบ
ปรับเล็ก ๆ บ่อย ๆ แทนการปรับใหญ่ปีละครั้ง
สรุป – จากการติดตั้ง สู่การเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ความสำเร็จของ PropTech ไม่ได้วัดแค่ “ใช้งานได้” ในปีแรก แต่ต้องดูว่า ใช้งานต่อเนื่อง และมีคุณค่ามากขึ้นทุกปี
หากเจ้าของอาคารวางแผนอย่างรอบคอบ สร้างการมีส่วนร่วม ฝึกอบรมต่อเนื่อง ติดตามผล และพัฒนาระบบอย่างต่อเนื่อง เทคโนโลยีนี้จะกลายเป็น หัวใจของการบริหารอาคารยุคใหม่ ที่สร้างทั้งประสิทธิภาพ ความพึงพอใจของผู้เช่า และมูลค่าเพิ่มของทรัพย์สิน


