Lifestyle Office: อนาคตของสำนักงานโลก และแรงสะเทือนที่กำลังมาถึงกรุงเทพฯ
- Chakrapan Pawangkarat
- 6 days ago
- 2 min read
จักรพันธ์ ภวังคะรัตน์
Head of Property Management, JLL Thailand
เลขาธิการ สมาคมบริหารทรัพย์สินแห่งประเทศไทย
7 December 2025

รายงาน “Lifestyle Office Markets 2025” จากเว็ปไซต์ JLL [https://www.jll.com/en-us/insights/lifestyle-office-markets-2025] ซึ่งวิเคราะห์ตลาดสำนักงานระดับโลกอย่างละเอียด ได้ชี้ให้เห็นว่ากำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในนิยามของ “สำนักงานที่มีคุณภาพ” ทั่วโลก สิ่งที่รายงานพบ ไม่ได้เป็นเพียงการปรับปรุงอาคาร แต่เป็น การเปลี่ยนโฉมรูปแบบการใช้ชีวิตของคนทำงาน อย่างชัดเจน
จากการศึกษานี้ แนวคิด “Lifestyle Office” — สำนักงานที่ผสานการทำงาน การใช้ชีวิต และกิจกรรมต่าง ๆ เข้าไว้ด้วยกันในย่านเดียว — กำลังกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของเมืองใหญ่ทั่วโลก และกำลังเริ่มส่งแรงสะเทือนมาถึงกรุงเทพฯ
บทความนี้ถอดรหัสเทรนด์จากรายงานดังกล่าว พร้อมวิเคราะห์เชิงลึกว่า “อะไรทำให้ Lifestyle Office กลายเป็นปรากฏการณ์” และ “กรุงเทพฯ จะต้องเตรียมรับอย่างไรในยุคการแข่งขันรูปแบบใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยคุณภาพชีวิต”
1) Lifestyle Office: มากกว่าสำนักงาน แต่คือประสบการณ์การใช้ชีวิต
รายงานของ JLL ชี้ให้เห็นว่า อาคารที่ตั้งอยู่ในย่านที่เป็น Live–Work–Play ecosystem มีความได้เปรียบทันทีตั้งแต่วันแรกที่เปิดตัวเพราะออฟฟิศยุคใหม่ไม่ได้ถูกวัดจาก “จำนวนชั้น” หรือ “ความใหม่ของตัวตึก” แต่จากคำถามว่า:
พนักงานใช้ชีวิตที่นี่ได้ดีแค่ไหน?
ประเด็นสำคัญจากรายงานสรุปได้ดังนี้:
อาคารในย่าน Lifestyle Office ปล่อยเช่าเร็วกว่ามาตรฐานทั่วไป
Pre-leasing และ occupancy rate อยู่ในระดับสูง
ผู้เช่ามี retention สูงกว่า และพนักงาน engage กับ workplace มากขึ้น
มูลค่าทรัพย์สินเติบโตได้มากกว่าในระยะยาว
ทั้งหมดนี้สะท้อนว่า โลกกำลังมอง “สำนักงาน” เป็นส่วนหนึ่งของคุณภาพชีวิต และเป็นเครื่องมือดึงดูดคนเก่งเข้ามาสู่ทีมมากกว่าที่เคย
2) พฤติกรรมคนทำงานเปลี่ยนไป ทำให้สำนักงานต้องตอบโจทย์ยิ่งกว่าเดิม
หลังยุคโควิด คนทำงานไม่กลับออฟฟิศเพียงเพราะคำสั่ง แต่กลับไปเพราะ “พื้นที่นั้นตอบโจทย์ชีวิตมากกว่าทำงานที่บ้าน”
พฤติกรรมที่ผลักดันโมเดล Lifestyle Office ได้แก่:
ต้องการความสะดวกในชีวิตประจำวัน
ต้องการร้านอาหาร คาเฟ่ และพื้นที่พักผ่อนในรัศมีเดิน
ต้องการพื้นที่ที่สร้างพลังบวกและแรงบันดาลใจ
ต้องการ community ที่ช่วยเชื่อมความสัมพันธ์
จากข้อมูลในรายงาน องค์กรทั่วโลกจึงมุ่งยกระดับ workplace experience เพื่อให้การกลับมาออฟฟิศเป็น “ข้อได้เปรียบ” ไม่ใช่ภาระ
3) เมืองใหญ่ทั่วโลกกำลังสร้าง “Lifestyle Districts” โดยมีสำนักงานเป็นตัวเชื่อม
หลายมหานครกำลังเปลี่ยนพื้นที่ CBD แบบเดิมให้เป็นย่านแบบ mixed-use ที่มีชีวิตทั้งกลางวันและกลางคืน เช่น:
Hudson Yards – นิวยอร์ก
King’s Cross – ลอนดอน
Marunouchi – โตเกียว
Barangaroo – ซิดนีย์
ลักษณะร่วมคือ ความครบวงจรของการใช้ชีวิต เช่น
อาหารและร้านค้าคุณภาพ
พื้นที่สีเขียวและทางเดินเชื่อม
Cross-generational amenities
Event และพื้นที่ชุมชน
ระบบขนส่งสาธารณะที่เข้าถึงง่าย
รายงาน JLL ระบุว่า ย่านลักษณะนี้คือ “โครงสร้างพื้นฐานใหม่” ของการเติบโตของตลาดสำนักงานระดับโลก
4) กรุงเทพฯ กำลังเข้าสู่เทรนด์ Lifestyle Office อย่างเป็นรูปธรรม
ข้อมูลในตลาดกรุงเทพฯ สะท้อนทิศทางเดียวกันกับเมืองชั้นนำทั่วโลก
(1) อุปทานสำนักงานใหม่กำลังก้าวสู่ Mixed-Use เป็นหลัก
โปรเจกต์ Prime-grade ในช่วง 2025–2030 ส่วนใหญ่เป็นรูปแบบผสมผสาน เช่น One Bangkok, Dusit Central Park, The Parq ทั้งหมดนี้ถูกออกแบบให้เป็นย่านที่มีการใช้ชีวิตจริง ไม่ใช่แค่กลุ่มตึกสำนักงาน
(2) อาคารเก่าจะต้องเร่งรีโนเวตให้ Lifestyle-ready
แม้ทำเลจะดีเพียงใด แต่หากขาด ecosystem และประสบการณ์รองรับการใช้ชีวิต ก็ยังแข่งขันกับอาคารใหม่ได้ยากขึ้นเรื่อย ๆ กรณีศึกษาจากรายงานชี้ชัด: “ย่านชนะอาคาร” คือเทรนด์ที่กำลังมาแทนการแข่งขันแบบเดิม
(3) คนทำงานเลือก ‘ประสบการณ์ต่อ ตร.ม.’ มากกว่า ราคาต่อ ตร.ม.
ผู้เช่าจำนวนมากในกรุงเทพฯ เริ่มมองสิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยตัดสินใจ:
ร้านอาหารดีในรัศมีเดิน
ทางเดินปลอดภัย
พื้นที่นั่งทำงานแบบ casual
ส่วนกลางที่ใช้งานได้จริง
การเข้าถึง BTS/MRT แบบไร้รอยต่อ
สิ่งอำนวยความสะดวกหลังเลิกงาน
องค์ประกอบทั้งหมดคือหัวใจของ Lifestyle Office ที่รายงาน JLL พูดถึงอย่างชัดเจน
5) แนวทางที่เจ้าของอาคารและนักพัฒนาควรเริ่มขยับวันนี้
(1) รีดีไซน์พื้นที่ส่วนกลางให้รองรับ Live–Work–Play
พื้นที่นั่งเล่น พื้นที่สีเขียว และ community zone คือ “สินทรัพย์” ใหม่ ไม่ใช่ต้นทุน
(2) สร้างพันธมิตรกับร้านค้า–อาหารคุณภาพ
อาหารและความสะดวกคือปัจจัยที่ดึงคนทำงานกลับออฟฟิศมากที่สุด
(3) ทำให้การเดินทางในอาคารไร้รอยต่อ
ตั้งแต่ประตูหน้า ล็อบบี้ ลิฟต์ ไปจนถึงชั้นสำนักงาน ประสบการณ์ต้อง “ง่าย ราบรื่น และเร็ว”
(4) ใช้เทคโนโลยีสร้าง experience layer เพิ่มเติม
Mobile app อาคาร
Digital concierge
ระบบจองพื้นที่
การสื่อสารแบบ real-time
(5) พลิกอาคารเก่าให้ Lifestyle-ready
ไม่จำเป็นต้องสร้างใหม่ แต่ต้องออกแบบ “ประสบการณ์” ใหม่ให้ทันยุค
บทสรุป: Lifestyle Office คือโครงสร้างใหม่ของการแข่งขันในตลาดสำนักงานกรุงเทพฯ
รายงาน Lifestyle Office Markets 2025 ชี้ให้เห็นชัดว่า ตลาดออฟฟิศโลกกำลังเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่สำนักงานที่ตอบโจทย์ “คุณภาพชีวิต” จะเป็นผู้ชนะในระยะยาวและกรุงเทพฯ กำลังเข้าสู่จุดเปลี่ยนเดียวกัน
นี่คือยุคที่ออฟฟิศจะแข่งขันกันด้วยประสบการณ์–ย่าน–คุณภาพชีวิต–ความสะดวก–ความหมายของการใช้ชีวิตร่วมกัน
และอาคารที่เข้าใจเทรนด์นี้ก่อน จะเป็น “ผู้นำตลาด” ในทศวรรษใหม่ของอสังหาริมทรัพย์กรุงเทพฯ


