top of page

Real Estate Beyond Yield: The Value of Cyber-Secure and Climate-Ready Assets


จักรพันธ์ ภวังคะรัตน์

Head of Property Management, JLL Thailand

เลขาธิการ สมาคมบริหารทรัพย์สินแห่งประเทศไทย

6 November 2025


ree

อสังหาริมทรัพย์ที่มีคุณค่าจากอนาคต: เมื่อความ “ปลอดภัย โปร่งใส และพร้อมรับภัย” กลายเป็นตัวคูณมูลค่าของเจ้าของทรัพย์


บทนำ: มูลค่าทรัพย์สินไม่ได้วัดแค่ Yield อีกต่อไป


ในยุคหนึ่ง การประเมินคุณค่าของอาคารสำนักงาน โรงแรม ศูนย์การค้า หรือคอนโดใช้สูตรเดิมแทบตายตัว:ทำเล + ความต้องการเช่าตลาด + ผลตอบแทนเงินสดสุทธิ


แต่โลกปัจจุบันกำลังเขย่าสูตรนี้อย่างเงียบ ๆ และต่อเนื่อง


เพราะ ความเสี่ยงที่กำหนด “ความอยู่รอดของกระแสเงินสด” เปลี่ยนไปแล้ว

  • โลกเชื่อมต่อกันด้วยข้อมูล

  • ผู้เช่าต้องพิสูจน์ ESG ให้ผู้ถือหุ้น

  • นักลงทุนต้องรายงาน Carbon Footprint

  • ธนาคารกำหนดดอกเบี้ยตามความเสี่ยงด้าน Climate & Data

  • บริษัทประกันไม่รับคุ้มครองอาคารที่ “เปราะบาง”


อสังหาริมทรัพย์ที่ ดูดีแต่ไม่มีระบบรองรับความเสี่ยงใหม่ กำลังสูญเสียมูลค่าเร็วกว่าเจ้าของจะรู้ตัว


ในขณะที่อาคารอีกกลุ่มหนึ่ง — แม้ไม่หรู ไม่ใหม่ แต่มีการจัดการข้อมูลที่ปลอดภัย โปร่งใส และมีระบบรับมือภัยกลับ รักษาผู้เช่าได้ ยืดอายุสินทรัพย์ และได้ต้นทุนเงินทุนที่ดีกว่า


นี่คือจุดเปลี่ยนที่ทำให้ “เจ้าของทรัพย์และนักลงทุน” ต้องเริ่มมองอาคารในอีกมิติหนึ่ง:

อสังหาริมทรัพย์ไม่ใช่ สิ่งปลูกสร้าง มันคือ ระบบเศรษฐกิจขนาดย่อม ที่ต้อง เชื่อมโยง พิสูจน์ได้ และ ทนต่อการสั่นสะเทือนของโลกจริง

1) Cyber-Secure Buildings: อาคารที่ระบบไม่ล่มเพราะข้อมูลไม่รั่ว


ทุกวันนี้ อาคารไม่ได้ “นิ่ง” อีกต่อไปมันเต็มไปด้วยข้อมูล: Access Control, Camera Analytics, Occupancy Sensing, Billing Platform, Smart Meter, BMS, CMMS


ถ้าระบบเหล่านี้ถูกโจมตีอาคารจะหยุดทำงานในชั่ววินาที

  • เปิดประตูไม่ได้

  • ลิฟต์ถูกปิดสั่งการ

  • ระบบปรับอากาศถูกบังคับอุณหภูมิผิดปกติ

  • ข้อมูลผู้เช่าถูกนำไปขาย


ผลที่ตามมาไม่ใช่ค่าซ่อมแต่คือ การสูญเสียความเชื่อมั่น ซึ่งกระทบ อัตราการเช่า (Occupancy) และ Yield โดยตรง


นี่คือสาเหตุที่ ผู้เช่าสมัยนี้เลือกอาคารเหมือนเลือก Data Center

  • กลุ่มธนาคาร

  • กลุ่ม Healthtech

  • กลุ่ม Fintech

  • กลุ่ม Global Service Center

  • กลุ่ม Corporate HQ


ต้องการ ตึกที่ผ่าน Cyber Audit


และฝั่งผู้ถือหุ้นเริ่มถามว่า:

"ระบบอาคารเราใช้ Zero Trust Architecture ไหม?"

"มี Security Patch & Log Monitoring หรือไม่?"

"กรณีข้อมูลรั่ว ใครรับผิดชอบ?"


อาคารที่ “ตอบได้” = ยังเช่าได้ในโลกใหม่

อาคารที่ “ตอบไม่ได้” = จะโดนลดคะแนนคุณภาพสินทรัพย์ทันที


2) Traceable Carbon: เมื่อความโปร่งใสด้านคาร์บอน คือกุญแจเข้าถึงเงินทุน


ย้อนกลับไป 10 ปีก่อนESG = คำเท่ ๆ ในงานประชุม


วันนี้ESG = ตัวกำหนด ต้นทุนทางการเงิน ของอสังหาริมทรัพย์


เพราะ…

  • กองทุนต่างชาติ (REIT, Pension, Sovereign Fund) ต้องรายงาน Scope 1-3 Carbon ต่อผู้ถือหุ้น

  • เครดิตปล่อยกู้จากธนาคารผูกกับ Tier ของประสิทธิภาพพลังงาน

  • ผู้เช่าระดับองค์กร (MNC)ต้องย้ายสำนักงานไปอาคารที่ พิสูจน์ Carbon Reduction ได้จริง


แต่ “พิสูจน์ได้” ไม่ใช่การติดป้าย อาคารเขียว


มันคือการมี ระบบวัดจริง รายงานจริง ตรวจสอบย้อนได้จริง


อาคารที่มี Carbon Traceability Platform สามารถ:

  • ได้ Green Loan ดอกเบี้ยต่ำกว่าอาคารทั่วไป

  • ขาย Carbon Credit เป็นรายได้เพิ่ม

  • และที่สำคัญที่สุด: ดึงดูดผู้เช่าคุณภาพสูงที่มีสัญญาระยะยาว


ในโลกที่เงินทุนย้ายไปหาสินทรัพย์ที่ “พิสูจน์ได้” ความโปร่งใส = มูลค่า


3) Disaster-Ready Assets: อาคารที่แม้โลกพัง ก็ยังเปิดให้บริการต่อได้


ภัยที่เปลี่ยนทิศเร็วที่สุดในยุคนี้คือ:

  • น้ำท่วมเฉียบพลัน

  • ไฟฟ้าดับระดับเมือง

  • ความร้อนสูงผิดปกติ

  • ฝุ่นมลพิษ

  • แผ่นดินไหวระดับที่ไม่เคยเกิดในพื้นที่เดิม


ประเด็นคือ:


อาคารไม่เหมือนบ้าน การหยุดให้บริการแม้เพียง 1 วัน เท่ากับ เสียรายได้ทั้งระบบเศรษฐกิจที่อยู่ในตึก


และนี่คือสิ่งที่บริษัทประกันทำในตอนนี้:

  • อาคารที่ไม่มี Flood Defense = เบี้ยประกันเพิ่มขึ้น 30–180%

  • อาคารที่ไม่มี Power Redundancy = ไม่รับประกันความเสียหายจาก Downtime

  • อาคารที่ไม่มี Emergency Response Plan = ถูกจัดเรททรัพย์สินเสี่ยงสูง (High Risk Asset)


ในฝั่งนักลงทุน การประเมินมูลค่าเริ่มมีคำใหม่:


Resilience NAV (Net Asset Value) หรือ “มูลค่าสินทรัพย์หลังหักความเสี่ยงจากภัยพิบัติ”


อาคารที่ “ยืดหยุ่นและฟื้นตัวเร็ว”มีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงกว่าอาคารทั่วไปอย่างชัดเจน


4) เจ้าของทรัพย์ควรทำอะไรตั้งแต่วันนี้ (ที่ให้ผลตอบแทนจริง)

กลยุทธ์

ผลลัพธ์ต่อมูลค่า

ทำ Security Assessment ของระบบ BMS/IoT ทั้งหมด

ลดความเสี่ยง Downtime และ Data Leak

สร้าง Carbon Dashboard แบบ Real-Time

เข้าถึง Green Finance / Green Lease / Green Premium

ทำ Resilience Audit (น้ำ, ไฟ, ระบบโครงสร้าง, ระบบสำรอง)

ลดเบี้ยประกัน + เพิ่มความต่อเนื่องของรายได้

ใส่ข้อกำหนด Cyber + Carbon + Resilience ในสัญญาเช่า

ยกระดับผู้เช่าให้เป็น Corporate Grade

วางแผน CapEx แบบ “เชื่อมอนาคต” ไม่ใช่ “ซ่อมตามอาการ”

ยืดอายุสินทรัพย์ + ชะลอค่าเสื่อมคุณภาพ


5) กระแสนี้จะไม่ย้อนกลับ เพราะแรงผลักมี 3 มิติ


  1. โลกการเงิน → กำหนดต้นทุนโดย ESG และ Resilience

  2. ผู้เช่าองค์กร → ต้องพิสูจน์ความยั่งยืนให้ผู้ถือหุ้น

  3. กฎหมายและประกันภัย → ลดการคุ้มครองสินทรัพย์เสี่ยง


กล่าวง่าย ๆ:

อาคารที่ไม่ปลอดภัย ไม่โปร่งใส และไม่พร้อมรับภัย = สินทรัพย์ที่สูญเสียมูลค่าเร่งตัว

และในทางกลับกัน:

อาคารที่พิสูจน์ได้ว่า “ครบ 3 มิติ” = จะได้มูลค่าเพิ่มเร็วกว่าตลาด

6) บทสรุป


อสังหาริมทรัพย์ยุคใหม่ไม่ได้แข่งขันกันที่ความสูงของตึกหรือความหรูของ Lobby


แต่แข่งขันกันที่:

  • ใครปกป้องข้อมูลผู้ใช้อาคารได้ดีกว่า

  • ใครพิสูจน์รอยเท้าคาร์บอนได้จริงกว่า

  • ใครพร้อมรับมือเหตุการณ์ไม่คาดคิดได้มากกว่า


เพราะ ความเชื่อมั่น คือกำแพงเมืองของมูลค่าอสังหาริมทรัพย์


และผู้ชนะในอนาคตไม่ใช่ผู้ที่มีทรัพย์มากที่สุดแต่คือผู้ที่ ดูแลทรัพย์ให้ “พร้อมรับอนาคต” มากที่สุด

Chakrapan Pawangkarat

  • TikTok
  • Facebook
  • LinkedIn
  • Instagram
  • Youtube
bottom of page