Value Proposition ของการบริหารอาคาร (Property Management): บทบาทเชิงกลยุทธ์ในการสร้างมูลค่าและความยั่งยืนของทรัพย์สิน
- Chakrapan Pawangkarat
- Jun 23
- 1 min read
จักรพันธ์ ภวังคะรัตน์
Head of Property and Asset Management, JLL Thailand
เลขาธิการ สมาคมบริหารทรัพย์สินแห่งประเทศไทย
23 June 2025

บทคัดย่อ
บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาคุณค่าที่สำคัญ (Value Proposition) ของงานบริหารอาคารในฐานะองค์ประกอบเชิงกลยุทธ์ในการบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์และที่อยู่อาศัย โดยมุ่งเน้นการวิเคราะห์ในหกมิติหลัก ได้แก่ (1) การรักษาและเพิ่มมูลค่าทรัพย์สิน (2) การควบคุมต้นทุนและเพิ่มผลตอบแทน (3) การส่งเสริมความยั่งยืน (4) การสร้างประสบการณ์ผู้ใช้อาคาร (5) การบริหารความเสี่ยงและการปฏิบัติตามกฎหมาย และ (6) ความเป็นมืออาชีพในการบริหารจัดการ บทความนี้ชี้ให้เห็นว่า การบริหารอาคารมิใช่เพียงการดำเนินงานด้านเทคนิคเท่านั้น หากแต่เป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจและการดำเนินงานอย่างยั่งยืนในระยะยาว
1. บทนำ
ในยุคที่ความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อมส่งผลโดยตรงต่อการดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ การบริหารจัดการอาคาร (Property Management) จึงได้รับการยกระดับจากบทบาทเชิงปฏิบัติการ (Operational Role) สู่บทบาทเชิงกลยุทธ์ (Strategic Role) ที่มีผลต่อมูลค่าทรัพย์สินโดยตรง ทั้งในด้านรายได้ ความคุ้มค่าในการลงทุน และความสามารถในการแข่งขันในตลาด
2. แนวคิดเกี่ยวกับ Value Proposition ในงานบริหารอาคาร
แนวคิด “Value Proposition” หมายถึง คุณค่าที่องค์กรหรือบริการมอบให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ซึ่งในบริบทของการบริหารอาคาร หมายถึง สิ่งที่ผู้ให้บริการบริหารอาคารสามารถนำเสนอเพื่อสร้างประโยชน์สูงสุดแก่เจ้าของอาคาร ผู้เช่า และผู้ใช้งานอาคารอย่างรอบด้าน
จากการศึกษางานวิจัยและแนวปฏิบัติในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ สามารถสรุป Value Proposition ของการบริหารอาคารออกเป็น 6 ด้านสำคัญ ดังนี้
3. มิติของคุณค่าที่งานบริหารอาคารมอบให้
3.1 การรักษาและเพิ่มมูลค่าทรัพย์สิน (Asset Value Protection & Enhancement)
การบริหารอาคารที่มีประสิทธิภาพช่วยยืดอายุการใช้งานของทรัพย์สิน ป้องกันความเสื่อมโทรม และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของโครงการผ่านการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน (Preventive Maintenance) และการวางแผนปรับปรุงอาคารอย่างเป็นระบบ โดยมีงานวิจัยจาก The Appraisal Institute (2021) ยืนยันว่า อาคารที่มีการบริหารจัดการมืออาชีพสามารถรักษามูลค่าได้ดีกว่าอาคารทั่วไปถึง 15–20% ในระยะยาว
3.2 การควบคุมต้นทุนและเพิ่มผลตอบแทน (Operational Efficiency & ROI)
Property Manager มีบทบาทสำคัญในการจัดทำงบประมาณ ควบคุมค่าใช้จ่าย และจัดซื้อจัดจ้างอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังสามารถวิเคราะห์ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานและระบบวิศวกรรมอาคารเพื่อปรับปรุงให้เหมาะสมยิ่งขึ้น ทั้งนี้งานของ IREM (Institute of Real Estate Management) ชี้ว่าอาคารที่บริหารโดยผู้จัดการมืออาชีพสามารถลดต้นทุนการดำเนินงานได้เฉลี่ย 12–18% ต่อปี
3.3 ความยั่งยืนและการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม (Sustainability & ESG Alignment)
ในบริบทของนโยบายด้าน ESG (Environmental, Social, and Governance) และการจัดทำรายงานความยั่งยืน (Sustainability Reporting) งานบริหารอาคารสามารถมีส่วนร่วมได้โดยตรงผ่านการจัดการพลังงาน น้ำ ขยะ และคาร์บอน รวมถึงการส่งเสริมการรับรองอาคารเขียว เช่น LEED, TREES หรือ WELL โดย JLL (2024) ระบุว่า การดำเนินงานตามมาตรฐาน ESG ช่วยเพิ่มความสามารถในการเช่าและดึงดูดนักลงทุนที่ต้องการพอร์ตโฟลิโอที่มีความยั่งยืน
3.4 การสร้างประสบการณ์ผู้ใช้อาคาร (User Experience & Satisfaction)
ความพึงพอใจของผู้ใช้งานส่งผลโดยตรงต่อความสามารถในการรักษาผู้เช่า และชื่อเสียงของโครงการ โดยทีมบริหารอาคารทำหน้าที่ประสานงาน บริหารจัดการเรื่องร้องเรียน วางระบบบริการ และสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
3.5 การบริหารความเสี่ยงและการปฏิบัติตามกฎหมาย (Risk & Compliance Management)
อาคารต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร กฎกระทรวงความปลอดภัย ระบบไฟฟ้า การจัดการความเสี่ยงจากอัคคีภัย และภัยพิบัติต่าง ๆ การบริหารอาคารที่ดีจึงมีหน้าที่ตรวจสอบระบบและวางแผนป้องกันเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้อาคารและความมั่นคงของทรัพย์สิน
3.6 ความเป็นมืออาชีพในการดำเนินงาน (Professionalism & Strategic Insight)
ผู้จัดการอาคารที่มีประสบการณ์สามารถให้คำปรึกษาเชิงกลยุทธ์แก่เจ้าของได้ เช่น การบริหารสินทรัพย์ร่วมกับทีมการเงิน การวางแผนปรับปรุงอาคารเพื่อรองรับตลาดในอนาคต รวมถึงการเตรียมความพร้อมเข้าสู่เทคโนโลยีดิจิทัล เช่น Smart Building และ AI-based Management
4. สรุปและข้อเสนอแนะ
การบริหารอาคารในปัจจุบันได้พัฒนาไปไกลกว่าการดูแลระบบพื้นฐานของอาคาร หากแต่เป็นหนึ่งในฟันเฟืองสำคัญที่ส่งผลต่อความสามารถในการสร้างผลตอบแทน ความยั่งยืน และความได้เปรียบเชิงการแข่งขันของอสังหาริมทรัพย์ในระยะยาว
ผู้พัฒนาโครงการและเจ้าของอาคารจึงควรให้ความสำคัญกับการเลือกใช้บริการบริหารอาคารที่มีมาตรฐาน และสามารถนำเสนอคุณค่าเชิงกลยุทธ์ได้อย่างครอบคลุม พร้อมทั้งสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาวิชาชีพนี้ในระดับอุตสาหกรรม
เอกสารอ้างอิง
IREM (2023). Best Practices in Property Management.
Appraisal Institute (2021). The Effect of Building Management on Property Value.
ULI (Urban Land Institute). (2022). Sustainable Building Operations Guide.
JLL (2024). Real Estate ESG Outlook: Creating Sustainable Value in Built Assets.


