World Bank เตือนภัยภูมิอากาศ: สิ่งที่เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ไทยต้องลงมือทำวันนี้
- Chakrapan Pawangkarat
- Oct 9
- 2 min read
จักรพันธ์ ภวังคะรัตน์
Head of Property Management, JLL Thailand
เลขาธิการ สมาคมบริหารทรัพย์สินแห่งประเทศไทย
9 October 2025

บทนำ: ข่าวที่ไม่ควรมองข้าม
ไม่นานมานี้ ธนาคารโลก (World Bank) ได้เผยแพร่รายงาน Thailand Country Climate and Development Report (CCDR) ที่ชี้ชัดว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญกับความเสี่ยงรุนแรงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ — ไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วมครั้งใหญ่ ภัยแล้งที่ยาวนาน คลื่นความร้อนที่ทวีความรุนแรง และพายุที่ส่งผลกระทบต่อทั้งชีวิต เศรษฐกิจ และโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ 【Thansettakij, 2025】
สิ่งที่รายงานเน้นคือ เศรษฐกิจไทยจำเป็นต้องเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ (Low-Carbon Economy) หากไม่อยากถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ทั้งในเชิงการค้า การลงทุน และความมั่นคงของสังคม
สำหรับเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ — ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของอาคารสำนักงาน ศูนย์การค้า โรงแรม หรือคอนโดมิเนียม — ข่าวนี้คือ “สัญญาณเตือน” ที่ชัดเจนว่า ถึงเวลา ต้องลงมือทำ มิใช่เพียงเพื่อปกป้องทรัพย์สิน แต่เพื่อรักษามูลค่าและความสามารถในการแข่งขันในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
บริบทจากรายงานธนาคารโลก
รายงาน CCDR ของ World Bank ชี้ประเด็นหลัก ๆ ที่ไทยต้องเร่งดำเนินการ:
พลังงานและโครงสร้างพื้นฐาน– ไทยต้องเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียน และเร่งปรับโครงสร้างพลังงานให้สะอาดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น– ระบบอาคารในเมืองเป็นผู้ใช้พลังงานสูงสุด จึงเป็น “ตัวแปรสำคัญ” ของการลดคาร์บอน
การเกษตรและอุตสาหกรรม– ภาคการผลิตและการเกษตรยังปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูง ต้องหันมาใช้เทคโนโลยีสะอาด
โครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำและการรับมือภัยพิบัติ– ไทยเป็นประเทศที่เสี่ยงน้ำท่วมมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้– การลงทุนในระบบป้องกันและจัดการน้ำเป็นสิ่งจำเป็นเร่งด่วน
โอกาสจากเศรษฐกิจสีเขียว– ตลาดโลกกำลังให้มูลค่ากับ Green Economy ทั้งการลงทุนและการค้า– ประเทศที่ปรับตัวได้เร็วจะได้เปรียบในการดึงดูดเงินทุนและผู้เช่าระดับโลก
สำหรับเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ นี่คือภาพรวมที่สะท้อนว่า “อาคาร” คือทั้งผู้ก่อให้เกิดคาร์บอน และเป็นทรัพย์สินที่ต้องรับผลกระทบโดยตรงหากไม่ปรับตัว
ทำไมเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ต้องเริ่มวันนี้
แรงกดดันด้านกฎระเบียบ– โลกกำลังมุ่งสู่ Net Zero ภายในปี 2050 ประเทศไทยเองก็ประกาศเป้าหมายดังกล่าว– การออกกฎหมายควบคุมอาคารประหยัดพลังงาน และมาตรการด้านคาร์บอนเครดิต กำลังจะเข้มงวดขึ้น
ผู้เช่าคือแรงผลักดันใหม่– บริษัทข้ามชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยมีนโยบาย ESG ชัดเจน– หากอาคารไม่สามารถตอบโจทย์ด้านสิ่งแวดล้อม จะสูญเสียผู้เช่ากลุ่มคุณภาพ
ต้นทุนพลังงานพุ่งสูง– ค่าไฟฟ้าและเชื้อเพลิงเป็นต้นทุนที่หลีกเลี่ยงไม่ได้– อาคารที่ไม่ประหยัดพลังงานจะมี OPEX สูงและเสี่ยงสูญเสียความคุ้มค่า
ความเสี่ยงทางกายภาพ– เหตุการณ์น้ำท่วม 2554 ทำให้อาคารและนิคมอุตสาหกรรมเสียหายหลายแสนล้านบาท– คลื่นความร้อนส่งผลให้ระบบเครื่องปรับอากาศทำงานหนักขึ้นและสิ้นเปลืองพลังงาน
สรุปคือ “การไม่ลงมือทำ” เท่ากับเพิ่มความเสี่ยงทั้งด้านการเงิน ภาพลักษณ์ และความอยู่รอดของธุรกิจ
สิ่งที่เจ้าของอาคารต้องลงมือทำ: แผนปฏิบัติ 10 ด้าน
1. จัดทำกลยุทธ์คาร์บอน (Carbon Roadmap)
วัดการปล่อยคาร์บอน Scope 1, 2 และถ้าเป็นไปได้ Scope 3
ตั้งเป้าหมาย Net Zero พร้อมกรอบเวลา
จัดทำแผนการลดคาร์บอนแบบเป็นขั้นตอน
2. เพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน (Energy Efficiency First)
ทำ Energy Audit ตรวจหาจุดรั่วไหล
อัปเกรดระบบไฟฟ้าและ HVAC ด้วยเทคโนโลยีใหม่
ใช้ BMS ควบคุมอาคารอัจฉริยะ
3. พลังงานหมุนเวียน (Renewable Integration)
Solar Rooftop / Carport
Battery Storage ลด Peak Load
ซื้อ Renewable Energy Certificate (REC)
4. ออกแบบอาคารให้ตอบสนองภูมิอากาศ (Passive & Climate-Responsive Design)
Green Roof, Vertical Garden
Shading Devices และฉนวนกันความร้อน
Insulated Façade
5. ระบบจัดการน้ำและน้ำท่วม (Water & Flood Resilience)
Rainwater Harvesting
Retention Tank / Detention Pond
Flood Barrier รอบอาคาร
ยกระดับห้องเครื่องและระบบไฟฟ้า
6. ระบบตรวจวัดและติดตาม (Smart Monitoring)
Smart Meter ตรวจจับพลังงานและน้ำ
Dashboard รายงานเรียลไทม์
Performance Report โปร่งใส
7. การมีส่วนร่วมของผู้เช่า (Tenant Engagement)
Green Lease Clause
จัดอบรมประหยัดพลังงาน
สร้างแรงจูงใจร่วมแบ่งผลประหยัด
8. ใช้เครื่องมือการเงินสีเขียว (Green Finance)
Green Loan, ESG Fund, Green Bond
Energy Performance Contract (EPC)
สิทธิประโยชน์ภาษีและเงินสนับสนุน
9. การรับรองมาตรฐาน (Green Certification)
LEED, WELL, TREES
ปฏิบัติตามกฎหมายอาคารประหยัดพลังงาน
ใช้มาตรฐานสากรสร้างความมั่นใจแก่ผู้เช่า
10. แผนความยืดหยุ่นและการฟื้นตัว (Resilience & Recovery)
Business Continuity Plan (BCP)
ระบบไฟสำรองและปั๊มน้ำฉุกเฉิน
การซ้อมแผนฉุกเฉิน
อุปสรรคและความท้าทาย
ต้นทุนเริ่มต้นสูง– เจ้าของอาคารอาจกังวลเรื่อง ROI แต่ต้องคิดในมุม “การรักษามูลค่าในอนาคต”
ความร่วมมือจากผู้เช่า– Green Lease เป็นกุญแจสำคัญเพื่อสร้างผลประโยชน์ร่วม
ความไม่แน่นอนของนโยบายรัฐ– ต้องติดตามกฎหมายและแรงจูงใจใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง
เทคโนโลยีที่เปลี่ยนเร็ว– เลือกลงทุนในโซลูชันที่ยืดหยุ่นและอัปเกรดได้ในอนาคต
บทสรุป: ลงมือวันนี้ เพื่อรักษามูลค่าทรัพย์สิน
คำเตือนจาก World Bank ไม่ใช่เพียงข้อมูลในรายงาน แต่มันคือ “แผนที่อนาคต” ที่บอกว่า อสังหาริมทรัพย์ที่ไม่ปรับตัวจะเผชิญทั้งความเสี่ยงจากภัยพิบัติ ต้นทุนพลังงาน และการสูญเสียผู้เช่า
ในทางกลับกัน เจ้าของอาคารที่ กล้าลงมือวันนี้ จะได้ทั้งการประหยัดต้นทุน การเพิ่มมูลค่าทรัพย์สิน ภาพลักษณ์ที่แข็งแรง และโอกาสในการแข่งขันในตลาดโลกที่กำลังเปลี่ยนไป
ดังนั้น คำตอบของเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ไทยต้องชัดเจน: เริ่มต้นลงมือวันนี้ เพื่อสร้างอาคารคาร์บอนต่ำและยืดหยุ่นต่อภูมิอากาศ — ไม่ใช่เพื่อใคร แต่เพื่อความอยู่รอดและอนาคตของธุรกิจเอง


