จากผู้ดูแลตึก สู่พันธมิตรเชิงกลยุทธ์: ถอดรหัสความต้องการผู้เช่าออฟฟิศกรุงเทพ
- Chakrapan Pawangkarat
- Sep 26
- 1 min read
จักรพันธ์ ภวังคะรัตน์
Head of Property Management, JLL Thailand
เลขาธิการ สมาคมบริหารทรัพย์สินแห่งประเทศไทย
26 September 2025

บทนำ: จาก “ผู้ดูแลอาคาร” สู่ “ที่ปรึกษากลยุทธ์ผู้เช่า”
ในอดีตงาน Property Management (PM) มักถูกมองว่าเป็นฝ่ายปฏิบัติ คอยซ่อมบำรุง ดูแลความสะอาด และเก็บค่าเช่า แต่ปัจจุบัน landscape ของตลาดออฟฟิศกรุงเทพกำลังเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ผู้เช่าไม่ได้เลือกตึกเพียงเพราะทำเลหรือราคา แต่ต้องการ คุณภาพการบริหารจัดการ ที่ตอบโจทย์ทั้งประสบการณ์ของพนักงาน และกลยุทธ์องค์กร
ดังนั้น Property Manager จึงไม่ใช่แค่ “ผู้จัดการอาคาร” แต่ต้องกลายเป็น strategic partner ของเจ้าของและผู้เช่า ที่เข้าใจความต้องการลึกซึ้งและสามารถออกแบบบริการให้ตรงจุด
1. บริหาร “ต้นทุนรวม” ไม่ใช่แค่ “ค่าเช่า”
ผู้เช่ามองหา Total Cost of Occupancy ที่สมเหตุสมผล ซึ่งรวมทั้งค่าเช่า ค่าส่วนกลาง ค่าไฟฟ้า ค่า Fit-out และค่าใช้จ่ายในการย้ายเข้า–ออก งาน PM จึงต้องเป็นตัวกลางที่โปร่งใสและช่วยผู้เช่ามองเห็น “ความคุ้มค่า”
บทบาทของ PM
วิเคราะห์และอธิบายค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้ผู้เช่าเข้าใจ (transparency in service charge)
ทำงานเชิงรุกเพื่อลดค่าใช้จ่ายส่วนกลาง เช่น การจัดการพลังงาน การซ่อมบำรุงเชิงป้องกัน
2. สร้างความยืดหยุ่นผ่านสัญญาและพื้นที่
Property Manager คือ “คนเจรจา” ระหว่างเจ้าของและผู้เช่า การสร้างสัญญาที่ให้ความยืดหยุ่น เช่น ระยะเวลาเช่าที่สั้นลง หรือเงื่อนไขการขยาย/ลดพื้นที่ สามารถทำให้ตึกน่าสนใจกว่าคู่แข่ง
บทบาทของ PM
ให้ข้อมูลตลาดเช่า (benchmark) แก่เจ้าของเพื่อปรับเงื่อนไขให้แข่งขันได้
ออกแบบ solution เช่น swing space หรือ shared facility ให้ผู้เช่าที่ต้องการพื้นที่เพิ่มชั่วคราว
เสนอรูปแบบ “plug-and-play office” สำหรับผู้เช่าที่ไม่อยากลงทุนตกแต่งเอง
3. คุณภาพอาคาร = คุณภาพการบริหาร
แม้ระบบอาคารจะดี แต่ถ้า Property Manager ดูแลไม่ถึง ผู้เช่าก็พร้อมย้าย งาน PM ต้องทำให้ผู้เช่า “มั่นใจ” ว่าอยู่ตึกนี้แล้วไม่เสีย productivity
บทบาทของ PM
ดูแลระบบวิศวกรรมอาคารให้ทำงานเสถียร โดยใช้ CMMS / Preventive Maintenance
ตอบสนองปัญหาผู้เช่าได้รวดเร็ว (SLA, response time)
ยกระดับประสบการณ์ผู้เช่าผ่าน cleanliness, safety, security และ hospitality
4. ทำเลไกล แต่ PM ช่วยได้
ตึกที่ไม่ได้อยู่ติดรถไฟฟ้าอาจเสียเปรียบ แต่ Property Manager สามารถ “ลด Pain” ของผู้เช่าผ่านบริการเสริม
บทบาทของ PM
จัด shuttle bus หรือ EV shuttle service เชื่อมต่อกับสถานีหลัก
วางแผนการจราจรภายในอาคารเพื่อลดเวลาเข้า–ออก
5. ความยั่งยืนและอาคารเขียว: PM คือผู้ขับเคลื่อนจริง
แม้เจ้าของจะลงทุน แต่ถ้า Property Manager ไม่ดูแลต่อเนื่อง อาคารก็ไม่สามารถรักษามาตรฐาน ESG ได้ PM จึงเป็น “ESG enabler” ที่ทำให้ตึกตอบโจทย์ผู้เช่าองค์กรใหญ่ ๆ
บทบาทของ PM
จัดเก็บและรายงานข้อมูลพลังงาน น้ำ และขยะ (data-driven ESG reporting)
บริหารโครงการอัพเกรด เช่น เปลี่ยนไฟ LED ระบบ BMS ระบบน้ำหมุนเวียน
สื่อสาร ESG achievement ของอาคารให้ผู้เช่า เพื่อเสริม branding ของผู้เช่าเอง
6. ประสบการณ์ผู้เช่า = retention strategy
ผู้เช่าในยุคนี้มองหามากกว่า “พื้นที่ทำงาน” แต่ต้องการ community และ environment ที่สนับสนุนการทำงานอย่างมีความสุข
บทบาทของ PM
ออกแบบกิจกรรม tenant engagement เช่น Health Day, Networking, Community Market
ใช้เทคโนโลยี mobile app สำหรับแจ้งซ่อม จองห้องประชุม หรือรับข่าวสารอาคาร
ทำงานร่วมกับร้านค้า/ผู้ให้บริการภายในตึก สร้างโปรแกรม privilege ให้ผู้เช่า
สรุป: Property Management = Value Creation
ในตลาดออฟฟิศกรุงเทพที่การแข่งขันสูงและผู้เช่าเลือกได้มากขึ้น งาน Property Management ไม่ใช่แค่ “รักษาสภาพอาคาร” แต่คือ การสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับทั้งเจ้าของและผู้เช่า ผ่านการบริหารต้นทุนรวม ความยืดหยุ่น คุณภาพการดูแล ความยั่งยืน และประสบการณ์ของผู้ใช้อาคาร
พูดง่าย ๆ คือ PM ไม่ใช่แค่ผู้ดูแลตึก แต่คือผู้ขับเคลื่อนกลยุทธ์ธุรกิจ ที่ทำให้อาคารยังคงดึงดูดและรักษาผู้เช่าได้ในระยะยาว


