top of page

ถอดบทเรียนจากเหตุไฟไหม้อาคารที่กำลังปรับปรุงในฮ่องกง: ความเสี่ยงที่มองไม่เห็นระหว่างการรีโนเวท

จักรพันธ์ ภวังคะรัตน์

Head of Property Management, JLL Thailand

เลขาธิการ สมาคมบริหารทรัพย์สินแห่งประเทศไทย

5 December 2025


ree

เหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งใหญ่ที่ Wang Fuk Court ในฮ่องกงช่วงปลายปี 2025 กลายเป็นหนึ่งในอัคคีภัยร้ายแรงที่สุดในรอบหลายทศวรรษของเมืองนี้ ความรุนแรงไม่ได้เกิดจาก “ไฟ” เพียงอย่างเดียว แต่เกิดขึ้นจากการซ้อนทับของหลายปัจจัยเชิงโครงสร้าง การเลือกวัสดุ การกำกับดูแล และความพร้อมของระบบความปลอดภัยในอาคารที่อยู่ระหว่างการปรับปรุง


กรณีนี้เป็น บทเรียนสำคัญสำหรับวงการบริหารอาคารทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ที่มีอาคารสูงจำนวนมากอยู่ระหว่าง Renovation เพื่ออัปเกรดภาพลักษณ์หรือยกระดับระบบอาคารสู่มาตรฐานใหม่


บทความนี้จึงสรุปบทเรียนเชิงลึก 5 ประเด็นหลัก เพื่อให้สถาปนิก วิศวกร ผู้บริหารอาคาร และผู้รับเหมา นำไปใช้ป้องกันความเสี่ยงก่อน “ประสบการณ์ราคาแพง” จะเกิดขึ้นซ้ำอีกครั้ง


1. วัสดุที่ใช้ระหว่างการก่อสร้างคือจุดเสี่ยงไฟลามเร็ว — ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย


จุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ในฮ่องกงมาจาก ตาข่ายคลุมอาคาร (construction netting) ที่ติดไฟได้ง่าย และลามอย่างรวดเร็วเนื่องจากถูกใช้หุ้มนั่งร้านไม้อ้อมอาคารทั้งหลัง


วัสดุที่มักถูกใช้เพียงเพื่อ “กันฝุ่น” เช่น

  • ผ้าคลุมสีเขียว

  • พลาสติกห่อปิดผนัง

  • แผ่นโฟมปิดช่องเปิด


ล้วนเป็นวัสดุ ติดไฟง่ายมาก หากไม่ได้มาตรฐาน Fire-Retardant จริงจัง

ในเมืองไทย อาคารจำนวนมากยังใช้วัสดุคลุมประเภทนี้โดยไม่ตรวจสอบระดับ “การยับยั้งเปลวไฟ” ทั้งที่อาคารยังมีผู้อาศัยหรือพนักงานอยู่ด้านใน


บทเรียน: มาตรฐาน Fire-Rated ต้องขยายครอบคลุมไปยัง วัสดุชั่วคราว, ตาข่ายคลุม, โฟมปิดผนัง, คลุมนั่งร้าน ไม่ใช่เฉพาะระบบดับเพลิงหรือวัสดุตกแต่งภายใน


2. การกำกับดูแลผู้รับเหมา (Contractor Supervision) คือหัวใจ — ใบเสนอราคาไม่ใช่คำรับประกัน


หลังเหตุการณ์ มีข้อมูลจำนวนมากบ่งชี้ว่า

  • วัสดุที่ใช้จริง “ไม่ตรงตามสเปก”

  • เป็นวัสดุราคาถูกที่ไม่ได้มาตรฐานด้านไฟ

  • หลายรายการหลุดรอดจากการตรวจสอบ


นี่คือสัญญาณของปัญหาในการกำกับงานก่อสร้างที่พบได้ทั่วไปในหลายประเทศ รวมถึงไทย

การ Renovation มักถูกมองว่าเป็น “งานรอง” เมื่อเทียบกับการสร้างอาคารใหม่ ส่งผลให้เกิดช่องว่าง เช่น

  • ไม่มีการสุ่มตรวจวัสดุ

  • ควบคุมงานไปตาม checklist เดิม ๆ

  • ขาด Third-Party Inspection


บทเรียน: ต้องเพิ่มระบบตรวจสอบแบบสุ่ม (Random Inspection) และตรวจความถูกต้องของวัสดุจากผู้เชี่ยวชาญด้าน Fire-Safety ไม่ใช่เพียงสถาปนิกควบคุมงานทั่วไป


3. ระบบความปลอดภัยของอาคารต้องพร้อม 100% แม้กำลังปรับปรุงอยู่


หนึ่งในปัญหาใหญ่ของเหตุการณ์นี้คือระบบแจ้งเหตุไฟไหม้ (Fire Alarm) บางจุดไม่ทำงาน ทำให้ผู้อยู่อาศัยหนีออกไม่ทัน


หลายอาคารที่กำลังปรับปรุงมักมีปัญหาเหมือนกัน เช่น

  • ปิดสัญญาณแจ้งเหตุไฟไหม้เพื่อหลีกเลี่ยง false alarm ระหว่างงาน

  • ปิดพื้นที่บางส่วน ทำให้สายตรวจหรือหัวจ่ายดับเพลิงเข้าถึงไม่ได้

  • ทางหนีไฟถูกกั้นด้วยอุปกรณ์ก่อสร้าง


การรีโนเวทอาคารที่มีคนใช้งานอยู่ ต้องเข้าใจว่า ความเสี่ยงไฟไหม้เพิ่มขึ้น ไม่ลดลงเพราะมีทั้งเครื่องมือช่าง, งานเชื่อม, งานไฟฟ้า, วัสดุไวไฟ และการปิดกั้นที่ผิดตำแหน่ง


บทเรียน: ช่วง Renovation ควรมีการตรวจ Fire Alarm ทุกวัน, เปิดระบบดับเพลิงเต็มรูปแบบ และมี Route หนีไฟที่ชัดเจนเพื่อรองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน


4. การบริหาร “พฤติกรรมคนหน้างาน” คือจุดเสี่ยงที่กฎระเบียบไม่สามารถแก้ได้


หลายเหตุการณ์ไฟไหม้ทั่วโลกมี “งานเชื่อม”, “บุหรี่”, “ละเลยข้อสั่งห้ามด้าน Safety” เป็นชนวนหลัก


งานรีโนเวทคือช่วงเวลาที่

  • คนเข้าออกหน้างานจำนวนมาก

  • หลากหลายสัญชาติ หลากหลายผู้รับเหมาช่วง

  • ผู้ควบคุมงานไม่สามารถตามดูได้ทุกจุด


บทเรียน: การอบรม Safety แบบเข้มงวด + การ Monitor แบบ Daily + การควบคุม Work Permit System ที่จริงจัง คือรากฐานของการป้องกันอัคคีภัยที่มีประสิทธิภาพมากกว่าการเขียนข้อกำหนดยาว ๆ


5. โครงสร้างการบริหารโครงการที่โปร่งใส ลดโอกาสเลือกใช้วัสดุเสี่ยงโดยไม่รู้ตัว


หลังเหตุการณ์ ฮ่องกงพบข้อกล่าวหาหลายอย่าง เช่น

  • ใช้วัสดุผิดสเปกเพื่อลดต้นทุน

  • ขาดการตรวจสอบจากภายนอก

  • มีช่องว่างในกระบวนการจัดซื้อ


อาคารไทยหลายแห่งก็เผชิญความท้าทายลักษณะเดียวกันโดยเฉพาะเมื่อผู้รับเหมาซับซ้อนหลายชั้น และสัญญาไม่ได้เน้นมาตรฐานด้านความปลอดภัยเพียงพอ


บทเรียน: ต้องออกแบบระบบจัดซื้อและกำกับงานที่เน้น “Traceability”ตั้งแต่ที่มาของวัสดุ—การทดสอบ—การรับรอง—การติดตั้งพร้อมเปิดทางให้เกิดการตรวจสอบจากบุคคลที่สาม


สรุป: การรีโนเวทอาคารไม่ใช่แค่งานตกแต่ง แต่คือการเพิ่มความเสี่ยงไฟไหม้ระดับสูง


เมื่อพิจารณาเหตุการณ์ที่ฮ่องกง เห็นชัดว่าความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดของการรีโนเวท คือการที่ทุกคนคิดว่า “มันแค่งานปรับปรุง ไม่มีอะไรน่าห่วง”


ทั้งที่ในความเป็นจริง

  • วัสดุชั่วคราวไวไฟกว่าเดิม

  • ระบบความปลอดภัยบางส่วนไม่พร้อมใช้งาน

  • ผู้อยู่อาศัยยังอยู่ในอาคาร

  • การทำงานของผู้รับเหมาหลายรายซ้อนกัน

  • ช่องโหว่ด้านกฎหมายมักยืดหยุ่นช่วงก่อสร้าง


ทั้งหมดนี้ทำให้ “ไฟลามเร็วผิดปกติ” จนกลายเป็นโศกนาฏกรรม


ข้อเสนอสำหรับอาคารในไทย

  1. จัดทำ Fire-Safety Renovation Checklist ที่เฉพาะเจาะจงสำหรับงานรีโนเวท

  2. บังคับใช้ Fire-Retardant Netting / Tarps / Temporary Materials ทุกชนิด

  3. มี ผู้ตรวจสอบด้าน Fire Safety โดยเฉพาะ แยกจากผู้ควบคุมงานก่อสร้าง

  4. เพิ่มรอบการตรวจระบบเตือนภัยและการเดินตรวจ (Patrol) ระหว่างก่อสร้าง

  5. ใช้ Work Permit System + Hot Work Control ที่เข้มงวดยิ่งกว่าปกติ

  6. แจ้งผู้อยู่อาศัยให้เข้าใจความเสี่ยงและเส้นทางหนีไฟทุกครั้งที่มีงาน

Chakrapan Pawangkarat

  • TikTok
  • Facebook
  • LinkedIn
  • Instagram
  • Youtube
bottom of page