ทางเลือกของธุรกิจ: จะเลือกที่ตั้งสำนักงานอย่างไร เมื่องบค่าเช่าไม่พอในศูนย์กลางเมือง
- Chakrapan Pawangkarat
- Oct 5
- 1 min read
จักรพันธ์ ภวังคะรัตน์
Head of Property Management, JLL Thailand
เลขาธิการ สมาคมบริหารทรัพย์สินแห่งประเทศไทย
5 October 2025

1. บทนำ
อาคารสำนักงานในย่านศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) เช่น สีลม สาทร สุขุมวิท มักมีค่าเช่าที่สูงเกินเอื้อมสำหรับธุรกิจขนาดกลางและเล็ก (SMEs) หรือองค์กรที่ต้องการบริหารต้นทุนอย่างรัดกุม อย่างไรก็ตาม การไม่สามารถเข้าถึงทำเล CBD ไม่ได้หมายความว่าธุรกิจจะเสียเปรียบเสมอไป หากเลือกที่ตั้งสำนักงานอย่างมีกลยุทธ์ ก็สามารถสร้าง “ความคุ้มค่า” และดึงประโยชน์สูงสุดจากทำเลรองได้เช่นกัน
2. หลักคิดจาก Urban Economics
Bid-Rent Curve บอกว่า ยิ่งออกห่างจากศูนย์กลาง ค่าเช่าจะลดลง → ธุรกิจสามารถ “แลกต้นทุนค่าเช่า” กับ “ต้นทุนการเดินทาง” ได้
Agglomeration Spillover: แม้อยู่นอก CBD แต่ถ้าเลือกย่านที่มี cluster ธุรกิจเฉพาะทาง (เช่น เทคโนโลยี, โลจิสติกส์, การศึกษา) ก็ยังได้ประโยชน์จากการอยู่ใกล้พันธมิตรหรือแรงงานคุณภาพ
3. ปัจจัยแนะนำในการเลือกทำเลสำนักงาน (นอก CBD)
3.1 การเข้าถึงระบบคมนาคม
เลือกอาคารที่อยู่ใกล้ สถานีรถไฟฟ้า MRT/BTS หรือทางด่วน → ลดต้นทุนเวลาในการเดินทางของพนักงาน
พิจารณาการเข้าถึง รถไฟฟ้าในอนาคต (future transit-oriented development) เพื่อเพิ่มมูลค่าในระยะยาว
3.2 ค่าเช่าและโครงสร้างต้นทุน
คำนวณ ค่าเช่าต่อพนักงานหนึ่งคน เทียบกับ productivity ที่คาดว่าจะได้
พิจารณาค่าใช้จ่ายแฝง เช่น ค่าที่จอดรถ, ค่าไฟฟ้า, ค่าบริการส่วนกลาง
3.3 สิ่งอำนวยความสะดวกและบริการรอบข้าง
ย่านที่มี ร้านอาหาร, คาเฟ่, ธนาคาร, ศูนย์ไปรษณีย์, Co-working จะช่วยเพิ่มความสะดวกและลดต้นทุนเวลา
พื้นที่รอบมหาวิทยาลัย/วิทยาเขตอาจเป็นแหล่งแรงงานที่มีคุณภาพและค่าใช้จ่ายต่ำกว่า
3.4 รูปแบบสัญญาและความยืดหยุ่น
ธุรกิจที่ยังไม่แน่นอน ควรเลือกอาคารที่มี flexible lease terms หรือ co-working space เพื่อเลี่ยงภาระผูกพันระยะยาว
พิจารณา “hub-and-spoke model” → สำนักงานหลักขนาดเล็กในเมือง + สาขาย่อยนอกเมือง
3.5 ภาพลักษณ์และความเหมาะสม
แม้อยู่นอก CBD แต่ควรเลือกอาคารที่มีมาตรฐานดี สภาพแวดล้อมปลอดภัย และมีการบริหารจัดการโดยมืออาชีพ
อาคารที่ได้มาตรฐาน Green Building อาจช่วยสร้าง branding และดึงดูดบุคลากรรุ่นใหม่
4. กลยุทธ์ที่ธุรกิจสามารถใช้ได้
Co-Location Strategy: ย้ายไปอยู่ cluster เดียวกับธุรกิจประเภทเดียวกัน
Transit-Oriented Location: เลือกทำเลใกล้รถไฟฟ้าหรือสถานี interchange เพื่อลดผลเสียจากการไม่อยู่ CBD
Hybrid Work Model: ลดขนาดพื้นที่เช่าและเสริมด้วยระบบ WFH → ลดภาระค่าเช่าแต่ยังเข้าถึงเมืองได้
Shared Services / Co-Working: ใช้พื้นที่ทำงานร่วมเพื่อลดต้นทุนคงที่ และเพิ่มเครือข่ายธุรกิจ
5. บทบาทของ Property Management ต่อผู้เช่านอก CBD
สร้างความเชื่อมั่นด้านบริการ: อาคารที่บริหารโดย PM มืออาชีพสามารถทดแทน “ความหรูหรา” ของ CBD ด้วยบริการคุณภาพ
จัด community activities: เชื่อมต่อผู้เช่าในอาคารให้เกิดเครือข่ายธุรกิจใหม่
สนับสนุน ESG และ Smart Facilities: ทำให้อาคารนอกเมืองมี “premium” ของตนเอง และแข่งขันกับ CBD ได้
6. สรุป
แม้ว่าค่าเช่าสำนักงานในศูนย์กลางเมืองจะสูงจนเกินเอื้อมสำหรับหลายธุรกิจ แต่ทางเลือกนอก CBD ไม่ได้ด้อยค่า หากเลือกทำเลที่เชื่อมโยงการคมนาคมได้ดี มีสิ่งอำนวยความสะดวก และได้รับการบริหารจัดการที่เป็นมืออาชีพ ธุรกิจก็สามารถสร้าง “ความคุ้มค่า” และใช้ประโยชน์สูงสุดจากการลงทุนในพื้นที่สำนักงานได้
ในโลกธุรกิจยุคใหม่ “ทำเลทอง” ไม่ได้หมายถึง CBD เพียงอย่างเดียว แต่คือ ทำเลที่ทำให้ธุรกิจเติบโตได้จริง ในต้นทุนที่ยั่งยืน


