โตให้ทันอนาคต: เปลี่ยนมุมคิด พิชิตงานยุคดิจิทัล
- Chakrapan Pawangkarat
- May 24
- 1 min read
จักรพันธ์ ภวังคะรัตน์
Head of Property and Asset Management, JLL Thailand
เลขาธิการ สมาคมบริหารทรัพย์สินแห่งประเทศไทย
24 May 2025

ในวันที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงเร็วกว่าที่ใครจะตามทัน ความรู้ในวันนี้อาจไม่เพียงพอสำหรับพรุ่งนี้ และทักษะที่เคยทำให้เราโดดเด่นในอดีต อาจไม่ใช่คำตอบของความสำเร็จในยุคถัดไป
บทความนี้ชวนให้ผู้จัดการอาคารทุกคน—ไม่ว่าจะเป็นผู้มีประสบการณ์ยาวนาน หรือเพิ่งเข้าสู่สายงาน—ตั้งคำถามกับตัวเองว่า“เรากำลังทำงานในโลกแบบเดิม... ในวันที่โลกมันเปลี่ยนไปแล้วหรือเปล่า?”
1. โลกกำลังเปลี่ยน และมันจะไม่รอกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีก
ย้อนกลับไปเมื่อสิบปีก่อน การบริหารอาคารหมายถึงการเดินตรวจหน้างาน จดบันทึกด้วยมือ สรุปงานรายสัปดาห์ และใช้ประสบการณ์เป็นตัวนำ แต่วันนี้ โลกไม่ได้ให้เวลาเท่าเดิมอีกต่อไป
เครื่องมือดิจิทัลเข้ามาแทนที่กระดาษDashboard เข้ามาแทนสมุดจดAI เข้ามาแทนขั้นตอนที่เคยใช้ทั้งวัน
เรากำลังเข้าสู่ยุคที่การบริหารไม่ใช่แค่การดูแลระบบ แต่คือการ เข้าใจข้อมูล วิเคราะห์สถานการณ์แบบเรียลไทม์ และมอบประสบการณ์ที่ “รวดเร็ว ทันสมัย” ให้กับผู้ใช้อาคาร
สิ่งสำคัญคือ การบริหารอาคารยังคงเป็นเรื่องของ "การจัดการงาน" เช่นเดิมแต่ "วิธีการทำงาน" กำลังเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
2. ความท้าทายไม่ใช่เทคโนโลยี แต่คือ ‘ใจ’ ที่พร้อมเปิดรับ
สิ่งที่หลายคนเข้าใจผิดคือ ต้องเก่งไอทีถึงจะใช้เทคโนโลยีได้แต่ในความจริง ทุกคนสามารถเรียนรู้ได้ ถ้ามี “ใจที่เปิด” กล้าลอง และพร้อมรับการเปลี่ยนแปลง
หลายคนยังยึดติดกับรูปแบบการทำงานเดิม เช่น
ใช้วิธีที่เคยได้ผล เพราะ “มั่นใจว่ายังเวิร์ก”
มองว่าเทคโนโลยีเป็นเรื่องของแผนก IT
รู้สึกว่าเครื่องมือใหม่ ๆ ซับซ้อน กลัวใช้ผิด
แต่เทคโนโลยีในปัจจุบันไม่ได้ซับซ้อนเหมือนในอดีตหลายระบบถูกออกแบบให้ใช้งานง่าย ไม่ต้องเขียนโค้ด ไม่ต้องอ่านคู่มือหนา ๆเพียงแค่ลองใช้ ก็เริ่มได้ทันที
ตัวอย่างเล็ก ๆ ที่เริ่มได้:
ใช้ ChatGPT ช่วยสรุปประชุมหรือร่างอีเมล
สร้างฟอร์มแจ้งซ่อมผ่าน Microsoft Forms
ตั้งระบบแจ้งเตือน PM ผ่าน Power Automate
ทำ Dashboard พลังงานแบบเรียลไทม์
ใช้ AI สร้างรายงานเบื้องต้นเพื่อลดภาระงานซ้ำ ๆ
“เทคโนโลยีไม่เคยปฏิเสธใคร มีแต่ใจเราที่ปฏิเสธเทคโนโลยี”
3. คนที่เติบโตเร็วที่สุด คือคนที่กล้าปรับก่อนใคร
ความสำเร็จในงานวันนี้ไม่ใช่แค่เรื่องประสบการณ์หรือความรู้แต่มาจาก “ความกล้า” ที่จะเปลี่ยนก่อนคนอื่น
เพราะสิ่งที่เคยใช้เวลาทั้งวัน วันนี้อาจทำได้ใน 10 นาทีสิ่งที่ต้องใช้ทีม 3 คน ระบบสามารถช่วยให้เหลือแค่ 1 คน
การใช้เวลาน้อยลงในงานซ้ำ ๆ เท่ากับมีเวลามากขึ้นในการทำสิ่งที่สำคัญกว่าเช่น การคิดวิเคราะห์ การพัฒนาทีมงาน หรือการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้เช่า
ลองเริ่มจาก 3 ขั้นตอนง่าย ๆ:
เลือก 1 งานที่ทำซ้ำทุกวัน แล้วหาวิธีใช้เทคโนโลยีช่วย
ถามคนในทีมว่าใครใช้เครื่องมืออะไรแล้วเวิร์ก แล้วลองตามรอย
ตั้งเป้าเล็ก ๆ ว่า “เดือนนี้จะหัดใช้เครื่องมือใหม่ให้เป็น 1 อย่าง”
“เปลี่ยนแค่ 1 วิธีการทำงาน อาจเปลี่ยนทั้งคุณภาพชีวิตในการทำงาน”
4. อนาคตอยู่ที่มือเรา – เริ่มต้นจากใจ ไม่ต้องรอระบบ
ในวันที่องค์กรให้ความสำคัญกับ ESG, Smart Building และ Net Zeroในวันที่ผู้เช่าคาดหวังการบริการที่รวดเร็วและโปร่งใสในวันที่เทคโนโลยีสามารถวัดคุณภาพอากาศ ปรับแสง ควบคุมพลังงานจากมือถือ...
คำถามสำคัญที่สุดคือ“พร้อมหรือยังที่จะไม่ใช่แค่ทำงานให้เสร็จ… แต่ทำงานให้ทันอนาคต?”
ไม่ต้องรู้ทุกระบบ ไม่ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญทันทีแต่สิ่งที่ทำได้คือ “เริ่มจากวันนี้”เพราะทุกก้าวเล็ก ๆ ที่เริ่มต้นด้วยใจเปิดรับ จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ในระยะยาว
“อนาคตไม่ใช่ของคนที่เก่งที่สุด แต่เป็นของคนที่พร้อมเปลี่ยนแปลงที่สุด” “เทคโนโลยีไม่ใช่สิ่งที่ต้องกลัว แต่คือเครื่องมือที่ทำให้เราทำงานเหนือความคาดหมาย”
บทส่งท้าย: ปรับมุมคิด = เปิดประตูสู่อนาคต
ในโลกที่หมุนเร็วขึ้นทุกวัน การยึดติดกับวิธีเดิมอาจไม่ใช่สิ่งที่ปลอดภัยที่สุดอีกต่อไปตรงกันข้าม การเปิดใจ ลองใหม่ และเรียนรู้ คือทักษะที่สำคัญที่สุดในยุคนี้
เริ่มจากใจ แล้วเครื่องมือทุกอย่างจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปเริ่มจากเรา แล้วทีมจะกล้าตามและเมื่อเริ่มก่อน... ย่อมมีโอกาสนำมากกว่า
อย่ารอให้ระบบมาแทนที่เราจงเป็นคนที่ใช้ระบบได้อย่างชาญฉลาด จนใครก็แทนเราไม่ได้


