ไทยเดินหน้าเตรียมติดตั้ง SMR: เมื่อเทคโนโลยีนิวเคลียร์ขนาดเล็กกลายเป็นทางเลือกใหม่ของระบบพลังงานไทย
- Chakrapan Pawangkarat
- Jul 14
- 2 min read
จักรพันธ์ ภวังคะรัตน์
Head of Property and Asset Management, JLL Thailand
เลขาธิการ สมาคมบริหารทรัพย์สินแห่งประเทศไทย
14 July 2025
📖 อ้างอิง:
Bangkok Post. “Thailand set to finally embrace nuclear power.” 14 July 2025. https://www.bangkokpost.com/business/general/3068554

ในขณะที่หลายประเทศกำลังเร่งลดการปล่อยคาร์บอนเพื่อรับมือกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศ ประเทศไทยเองก็เริ่มแสดงจุดยืนใหม่ที่น่าจับตา นั่นคือการกลับมาให้ความสนใจ พลังงานนิวเคลียร์ อีกครั้ง — แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ในรูปแบบดั้งเดิมที่หลายคนคุ้นเคย หากแต่เป็น “Small Modular Reactors” (SMRs) หรือ เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขนาดเล็กแบบโมดูลาร์ ซึ่งถูกออกแบบให้ปลอดภัย ประหยัดพื้นที่ และเหมาะสมกับบริบทของประเทศกำลังพัฒนาอย่างไทย
📌 ภาคเอกชนขานรับ SMR
ภาคธุรกิจพลังงานรายใหญ่ของไทย ได้แก่ Ratch Group (บริษัทในเครือการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย – EGAT), Global Power Synergy Plc (GPSC) ในเครือ ปตท. และ Saha Pathanapibul International Plc กลุ่มธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค ต่างแสดงความสนใจในการพัฒนา SMRs เพื่อเสริมความมั่นคงด้านไฟฟ้า และตอบโจทย์นโยบายลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลของรัฐบาล
โดยเฉพาะ GPSC ได้ประกาศว่า กำลังจัดทำ การศึกษาความเป็นไปได้ (Feasibility Study) เพื่อวางรากฐานสู่เป้าหมายการลดคาร์บอนในอนาคต
🛠️ อะไรคือ SMR?
SMR หรือ Small Modular Reactor คือ เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่มีกำลังผลิตไม่เกิน 300 เมกะวัตต์ต่อหน่วย (ประมาณ 1 ใน 3 ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แบบเดิม) ซึ่งถูกออกแบบมาให้ผลิตได้เป็น “โมดูล” ขนาดเล็ก สามารถติดตั้งแยกหรือขนส่งได้สะดวก และมีระบบระบายความร้อนที่อาศัยแรงโน้มถ่วงและการหมุนเวียนของน้ำโดยไม่ต้องใช้ไฟฟ้า ทำให้มีความปลอดภัยสูงในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน
ที่สำคัญ บางเทคโนโลยี SMR ยังสามารถใช้เชื้อเพลิงนิวเคลียร์ที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว (reprocessed spent fuel) จึงช่วยลดปัญหาด้านการจัดการของเสีย
🧭 PDP 2024–2037 วางเป้าหมายชัด
ตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าแห่งชาติ (Power Development Plan – PDP) ฉบับใหม่ของประเทศไทย ที่กำหนดช่วงปี 2024–2037 มีการวางเป้าหมายติดตั้ง SMRs จำนวน 2 เครื่อง ขนาด 300 เมกะวัตต์ต่อเครื่อง โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินการในช่วงท้ายของแผนฯ ใกล้ปี 2037 โดย EGAT อาจเป็นผู้ดำเนินโครงการ
🎓 เตรียมสร้างความรู้ สร้างความเข้าใจ
เพื่อเตรียมความพร้อมต่อสาธารณะ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัด สัมมนา “A Global Dialogue on SMR Deployment” วันที่ 16 กรกฎาคมนี้ ณ กรุงเทพมหานคร โดยมี Ratch และ Saha Pathanapibul International เป็นผู้สนับสนุนหลัก งานนี้จะเปิดเวทีให้นักวิชาการ นักวิจัย และภาคเอกชนร่วมแลกเปลี่ยนแนวโน้มเทคโนโลยีนิวเคลียร์รุ่นใหม่ พร้อมทั้งตอบข้อกังวลด้านความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม
🕰️ บทเรียนจากอดีต… และก้าวใหม่ที่ต้องมั่นคง
แม้จะเป็นเรื่องใหม่ในบริบทปัจจุบัน แต่จริง ๆ แล้วประเทศไทยเคยมีแผนจะพัฒนาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ตั้งแต่ช่วง ทศวรรษ 1970 โดย EGAT เป็นผู้ศึกษาโครงการ ทว่าแผนต้องหยุดลงหลังพบแหล่งก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย
ในปี 2010 มีการบรรจุโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาด 2,000 MW ไว้ในแผน PDP โดยคาดว่าจะเริ่มผลิตไฟฟ้าในปี 2020–2021 แต่สุดท้ายก็ถูกถอดออกในปี 2011 หลังเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิที่ฟุกุชิมะ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งส่งผลให้เกิดกระแสต้านในวงกว้าง
🌱 โอกาสของพลังงานสะอาดที่ไม่ควรมองข้าม
แม้ว่านิวเคลียร์จะยังเป็นประเด็นถกเถียงในแง่ภาพลักษณ์และความปลอดภัย แต่เทคโนโลยี SMR ได้พัฒนาไปไกลจากอดีต และเริ่มได้รับการยอมรับในหลายประเทศในฐานะ “สะพานเชื่อม” ที่จะทำให้โลกก้าวไปสู่ระบบพลังงานสะอาดโดยไม่กระทบต่อเสถียรภาพของระบบไฟฟ้า
ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญว่า จะสามารถเปิดรับโอกาสนี้ได้อย่างไร โดยไม่ละเลยบทเรียนในอดีต และสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้แก่สาธารณชนและภาคอุตสาหกรรมได้หรือไม่
💻 พลังงานนิวเคลียร์ขนาดเล็ก: พื้นฐานสำคัญของ Data Center แห่งอนาคต
หนึ่งในกลุ่มธุรกิจที่จะได้รับประโยชน์โดยตรงหากประเทศไทยสามารถพัฒนา SMR ได้สำเร็จ คือ อุตสาหกรรมดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของยุคดิจิทัล ตั้งแต่บริการคลาวด์ ธุรกิจ AI ไปจนถึงระบบธนาคารและ IoT
✅ ทำไม Data Center ต้องการ SMR?
ความต้องการไฟฟ้าแบบต่อเนื่อง (24/7/365)
ดาต้าเซ็นเตอร์ระดับ Hyperscale ต้องการพลังงานต่อเนื่อง ไม่มีสะดุด และมีเสถียรภาพสูง
SMR มีความสามารถผลิตไฟฟ้าได้อย่างสม่ำเสมอ ไม่ผันผวนเหมือนพลังงานแสงอาทิตย์หรือลม
ลดคาร์บอนฟุตพรินต์ของระบบดิจิทัล
อุตสาหกรรม Tech กำลังเผชิญแรงกดดันด้าน ESG และ Net-Zero
หากสามารถเชื่อมต่อกับพลังงานนิวเคลียร์สะอาด จะช่วยให้ศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ได้เปรียบด้านภาพลักษณ์และการลงทุนระยะยาว
ความปลอดภัยด้านพลังงานในภาวะวิกฤต
ระบบระบายความร้อนของ SMR ไม่ต้องใช้ไฟฟ้า จึงยังทำงานได้แม้เกิดไฟฟ้าดับ (blackout)
ลดความเสี่ยงระบบล่ม (downtime) ซึ่งมีมูลค่าความเสียหายมหาศาลต่อผู้ให้บริการดิจิทัล
🌐 แนวโน้ม: ศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ในประเทศไทยอาจพิจารณา “ติดตั้งร่วม” หรือ “เชื่อมโยง” กับ SMR ในอนาคต
ในหลายประเทศ เช่น สหรัฐฯ หรือแคนาดา เริ่มมีการวางแผนให้ดาต้าเซ็นเตอร์ตั้งอยู่ใกล้โรงไฟฟ้า SMR เพื่อลดค่าใช้จ่ายเรื่อง infrastructure และเสริมความมั่นคงด้านพลังงานเฉพาะทาง (dedicated capacity)
🧭 ทิศทางที่ต้องจับตา
รัฐบาลควรพิจารณา SMR เป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างสนับสนุนเศรษฐกิจดิจิทัล
นักพัฒนาอสังหาฯ เพื่อดาต้าเซ็นเตอร์ ควรศึกษาเส้นทางการขยายตัวของ SMR ในแผน PDP
ผู้ให้บริการ Cloud และ AI Platform ระดับโลก อาจหันมาลงทุนในไทย หากมีความมั่นใจด้านพลังงานคาร์บอนต่ำ


